หน้าแรก >[09]
การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ
>สารอโศก.
สารอโศก
อันดับ ๒๙๑ ม.ค.'๔๙
ปิตุบูชา
ปัญญาสมโภช
งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๓๐
หน้า ๑
ผู้ที่หลุดแล้ว พ้นแล้ว
ย่อมหลุดก่อน พ้นก่อน
และย่อมนำหน้า
ผู้กำลังแจ้งในนิพพานย่อมสว่างไสว
ย่อมผุดผ่องและโดดเด่น เป็นกลาง
ผู้ที่มีตาดี มีความเป็นอาริยะ
เห็นและเลื่อมใสในผู้นำหน้าแท้
เห็นและซาบซึ้งใจชัดในผู้เป็นกลางจริง
ก็ย่อมจะตามอย่างกระชั้นชิดติดมาเป็นท้าย
ดังนี้เสมอแล คือ ศาสนาพุทธ
สมณะโพธิรักษ์
๑๑ พ.ย. '๑๙
หน้า ๓
แถลง
ปิตุบูชา ปัญญาสมโภช
เราเคยจัดงานสมาธิสมโภช
เมื่อพ่อท่านครบรอบ ๖๐ ปี ที่ราชธานีอโศก จวบจนกาลเวลา ผ่านมาอีก ๑ นักษัตร
ปี ๒๕๔๙ นี้ พ่อท่าน จะได้ครบรอบ ๗๒ ปีเต็ม ในที่ประชุมมหาปวารณาของสมณะ
จึงได้ตกลงกันว่า น่าจะเป็นปีแห่ง "ปิตุบูชา ปัญญาสมโภช" ของชาวอโศก
เหตุการณ์หลังงานปีใหม่ได้ไม่นาน
มีเรื่องราวสำคัญๆเกิดขึ้นกับชาวอโศกอย่างมากมาย นับตั้งแต่ ต้องออกไปต่อต้าน
การเอา เบียร์ช้าง และน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น ต้องไปกินนอนอยู่ข้างถนนหน้าตลาดหลักทรัพย์ถึง
๙ วัน ๘ คืน จากนั้น จึงได้ไปร่วมงาน พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๓๐ แต่พอเสร็จงานได้ไม่กี่วัน
ก็ต้องไปกินนอนที่ท้องสนามหลวงกันต่อ งาน"ช้าง"ต้นๆปีที่ว่าใหญ่
กลายเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเทียบกับ งานชุมนุมคัดค้าน (Protest) นายกรัฐมนตรี
ที่ท้องสนามหลวง
จากเหตุการณ์เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
และต้องพบปะสัมพันธ์กับผู้คนที่มากหน้าหลายตา ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ แห่งการเจริญปัญญาทั้งสิ้น
หากใจของเรา เพ่งพินิจผู้คน และเรื่องราว อย่างวางใจเป็นกลางๆ ไม่เอียงด้วยอคติ
๔ (เอียงเพราะกลัว -เอียงเพราะชอบ -เอียงเพราะไม่ชอบ -และเอียงเพราะหลง)
ที่ผ่านมาชีวิตของชาวอโศกทุกคนล้วนมีส่วนร่วมในการสร้างประวัติศาสตร์
แห่งการเข็นกงล้อธรรมจักร และทุกๆเหตุการณ์ ทางประวัติศาสตร์นี้ เมื่อผ่านไปแล้วย่อมผ่านเลย
เหมือนสายน้ำย่อมไม่ย้อนรอยไหลกลับได้อีก จึงน่าเสียดายยิ่งนัก หากชีวิตของเรา
ต้องขาดหายไป ไม่มีส่วนร่วมใดๆ ในเหตุการณ์สำคัญๆ ของประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ผู้ที่สำคัญในความสำคัญเท่านั้น
จึงจักสามารถเป็นคนสำคัญ และร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ที่สำคัญขึ้นมาได้
คณะผู้จัดทำ
หน้า ๔
งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์
ครั้งที่ ๓๐ พุทธสถานศาลีอโศก
พุทธาภิเษกสุด ปาฏิหาริย์
มาฆบูชากาล เริ่มแล้ว
โพธิกิจสืบสาน ประเสริฐ
สามสิบปีแน่แน่ว สว่างหล้า ศาลี
หลังจากอากาศร้อนอบอ้าวมาหลายวัน
สายฝนก็โปรยปรายลงมาก่อนย่ำรุ่งของวันอาทิตย์ที่ ๑๒ ก.พ.'๔๙ ซึ่งเป็นวันแรก
ของงานพุทธาภิเษกฯ ช่วยให้ทั่วทุ่งนาไพศาลีมีบรรยากาศเย็นสดชื่น เด็กนักเรียนสัมมาสิกขาชั้น
ม.๑ จากทุกพุทธสถาน มาเตรียมงานล่วงหน้า ๕ วัน โดยมีสมณะนวกะ ยกทีมจากพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ
มาช่วยดูแลจัดหลักสูตรมหัศจรรย์ให้กับเด็กๆ และชาวชุมชนคนวัดของไพศาลีด้วย
๑๒ ก.พ.'๔๙ เวลา ๐๙.๐๐ น.
พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์เป็นประธานเปิดงานพุทธาภิเษกฯ นำสวดมนต์ และกล่าวคำปฏิญาณ
พ่อท่านนำอิทธิบาท ๔ มาอธิบายตอกย้ำซ้ำทวน ปลุกสำนึกทุกคนให้เพิ่มฉันทะ วิริยะ
จิตตะ วิมังสายิ่งๆขึ้น เราจัดงานนี้มา ๓๐ ปีแล้ว จนกลายเป็นวัฒนธรรมประเพณีของเรา
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓๐ พ่อท่านแสดงธรรมเรื่อง "สุดสุข สุดสูง สุดประเสริฐแห่งคน"
โดยนำคุณสมบัติ ๑๒ ประการของพระอรหันต์มาอธิบายอย่างพิสดาร พ่อท่านยังได้ชี้แจง
เรื่องการสร้างพระพุทธรูป ขนาดใหญ่ด้วยหินทราย ๓ ก้อน หนักกว่า ๔๐๐ ตัน สูง
๗ เมตร นี่คือโพธิกิจของโพธิสัตว์ ถึงโอกาสที่จะใช้พระพุทธรูป เป็นสื่อให้ชาวพุทธรู้จักการเคารพบูชา
อย่างถูกวิธีเป็นสัมมาทิฏฐิ
๑๒.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น. เป็นรายการธรรมะตอนเที่ยงคือ
* บริเวณต้นมะรื่นรายการธรรมะกระดานดำ "เรื่องจะทำใจอย่างไรให้แยบคายในยุคปัญญาสมโภช"
โดย สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
* บริเวณศาลาที่พักเขตหญิงมีรายการธรรมะสำหรับฝ่ายหญิง โดย สิกขมาตุรินฟ้า
นาวาบุญนิยม
* บริเวณศาลา ๖ เหลี่ยม มีรายการธรรมะสำหรับคนใหม่ โดยสมณะดวงดี ฐิตปุญโญ
๑๔.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. เป็นรายการธรรมะภาคบ่ายที่ศาลาส่วนกลางเรื่อง
"เอาแต่ใจตัว คือชั่วโดยอัตโนมัติ จะดีได้ต้องหัดเสียสละ" โดยสิกขมาตุรินฟ้า
นาวาบุญนิยม, สมณะหม่อน มุทุกันโต, สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร ดำเนินรายการโดยสมณะฟ้าไท
สมชาติโก
๑๘.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. เป็นรายการธรรมะภาคค่ำ
การสัมภาษณ์ปฏิบัติกรชุด "คลื่นลูกใหม่" ซึ่งเป็นบุคคล ที่เคยผ่านการอบรม
จากศูนย์ฝึกอบรม ศรีบูรพาอโศก และศูนย์ฝึกอบรม ปฐมอโศก จำนวน ๑๑ คน ผู้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง
และครอบครัว อย่างน่าอัศจรรย์ ดำเนินรายการโดย สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า
จันทร์ ๑๓ ก.พ.'๔๙ เวลา
๐๓.๓๐ น. เป็นรายการธรรมะรับอรุณ โดยพ่อท่าน ทุกคนต้องการความสุข บางคน ต้องการความสูง
มีน้อยคน ที่ต้องการเป็นผู้ประเสริฐ ผู้เข้าใจความประเสริฐ จะลดความอยากใหญ่
อยากสูงลง พระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพระอรหันต์ จึงสุดประเสริฐ พ่อท่านชี้ให้เห็นความก้าวหน้า
ของประชาธิปไตย ที่ไม่มีความรุนแรง ใครยึดมากทุกข์มาก ยึดน้อยทุกข์น้อย การยึดตัวบุคคลจะทุกข์มาก
ส่วนการยึดเนื้อหา จะทุกข์น้อยกว่า
๐๖.๓๐ น. มีการประชุมเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ
โดยสมณะเดินดิน ติกขวีโร กล่าวเปิดประชุมว่า ทำอย่างไร จึงจะให้เกิดสำนึกร่วม
และพลังรวมในหมู่พวกเรา ที่ประชุมสรุปว่า ขณะนี้กระแส เกษตรอินทรีย์มาแรง
ทั่วโลกมีความต้องการ ๓๐๐ % แต่ทำได้เพียง ๓๐ % ขณะนี้มีผู้สามารถทำ
กสิกรรมไร้สารพิษ เนื้อที่ ๑ ไร่มีรายได้เดือนละ ๑ หมื่นบาท จะมีการจัดงานกสิกรรมไร้สารพิษ
ทั่วประเทศ ที่บริเวณ สนามหลวง กทม. ในวันที่ ๒๕ - ๒๖ มี.ค.'๔๙ พ่อท่านได้รับนิมนต์
ไปแสดงธรรมในเช้าวันที่ ๒๖ มี.ค.'๔๙
๐๙.๐๐ น. - ๑๐.๐๐ น. รายการธรรมะก่อนฉัน
๒ เรื่อง คือ "มาปฏิบัติธรรมกันอย่างไร" โดยสมณะแก่นผา สารุโป
และเรื่อง "ก้าวที่ต้องกล้า" โดยสมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
๑๒.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น. รายการธรรมะตอนเที่ยง
คือ
* บริเวณต้นมะรื่น เรื่อง "อย่าหลงทางกันเลยในยุคปัญญาสมโภช" โดยสมณะฟ้าไท
สมชาติโก
* บริเวณศาลาที่พักเขตหญิง เรื่อง "ชำระจิตให้บริสุทธิ์ทำอย่างไร"
โดยสิกขมาตุผุสดี สะอาดวงศ์
* บริเวณศาลา ๖ เหลี่ยม "ธรรมะสำหรับคนใหม่" โดยสมณะร่มบุญ ฉัตตปุญโญ
* บริเวณศาลาฟังธรรมส่วนกลาง "ธรรมะสำหรับเด็ก" โดยสมณะเก้าก้าว
สรณีโย
ธรรมะภาคบ่าย ๑๔.๐๐ น. -
๑๖.๐๐ น. "เรื่องปิตุบูชา ปัญญาสมโภช" โดยสมณะเดินดิน ติกขวีโร,
สมณะบินบน ถิรจิตโต, สมณะผืนฟ้า อนุตตโร และสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
ดำเนินรายการโดยสมณะร่มเมือง ยุทธวโร
ธรรมะภาคค่ำ ๑๘.๐๐ น. -
๒๐.๐๐ น. วันนี้เป็นวันมาฆบูชา พ่อท่านนำสวดมนต์บริเวณลานเวทีธรรมชาติ ส่วนหนึ่งในการแสดงธรรมของพ่อท่าน
เช่น ความเป็นพุทธชนิดที่ ๑ คือ ความเป็นพระพุทธเจ้า ความเป็นพุทธชนิดที่
๒ คือ ผู้บรรลุธรรม ๔ ระดับ ความเป็นพุทธชนิดที่ ๓ คือ พระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุ
เมื่อพวกเราชาวอโศกได้มีความเข้าใจและใช้เป็นเกี่ยวกับเทวนิยมและอเทวนิยม
พ่อท่านจึงสร้างพระพุทธรูปใหญ่ ถ้าพ่อท่านไม่ทำอย่างนี้ก็จะไม่มีใครทำอีกเลย
และคงจะเคารพบูชาพระพุทธรูปเป็นแบบเทวนิยมไปตลาดกาลนาน
อังคาร ๑๔ ก.พ.'๔๙ รายการธรรมะรับอรุณ
วันนี้พ่อท่านแสดงธรรมโดยนำ "วิชชา ๘" มาอธิบาย ชี้ให้เห็นปัจจุบันกรรม
มีความสำคัญ เป็นตัวแปรส่งผลถึงอดีตและอนาคต โดยมีปฏิจจสมุปปบาทเป็นหลักปฏิบัติ
๐๖.๓๐ น. มีการประชุมพาณิชย์บุญนิยม สรุปได้คือ
๑. จะมีการส่งมอบอาคารบุญนิยมเมื่อเสร็จงานพุทธาภิเษกฯ
๒. งานตลาดอาริยะปีใหม่เริ่มเปิดงานวันที่ ๓๐ ธ.ค. ถึง ๒ ม.ค. ของทุกปี เปิดจำหน่ายสินค้าในบ่ายของวันที่
๓๐ ธ.ค.
๓. งานอโศกรำลึกและบูชาพระบรมสารีริกธาตุ คือวันที่ ๙ - ๑๐ มิ.ย.'๔๙ และวันที่
๑๑ - ๑๓ มิ.ย.'๔๙ เป็นงานฉลอง ๗๒ ปีของพ่อท่าน, เปิดร้านพลังบุญและเป็นวันภราดรภาพ
๔. ที่ประชุมให้เปลี่ยนชื่อการประชุมพาณิชย์บุญนิยม เป็นการประชุมเศรษฐกิจบุญนิยม
และให้จัดประชุมในโอกาสที่มีการจัดงานประจำปีของชาวอโศกทุกงาน
๕. ให้ฝ่ายผลิตเข้าร่วมประชุมกับฝ่ายการตลาดทุกครั้ง
พ่อท่านให้โอวาทตอนหนึ่งว่า
น่างงไหมที่อาตมาพูดไว้หลายปีแล้ว เรื่อง ๓ อาชีพกู้ชาติ คือ กสิกรรมไร้สารพิษ
ปุ๋ยสะอาด และขยะวิทยา พระพุทธเจ้าจากศักดินาสู่สามัญชน นี่คือการกู้ชาติจริงๆ
ฉะนั้น ๓ อาชีพกู้ชาตินี้จึงเป็นการพิสูจน์ ความอดทน ความขยัน ความเสียสละ
ของมนุษย์ แม้จะหนักเหนื่อยก็ต้องทำ นี่เป็นทรัพย์แท้ของมนุษย์ ขอให้สู้จนกว่าจะชนะ
แล้วเจอกันอีกทีที่โลก พระศรีอาริย์
ธรรมะตอนเที่ยง ๑๒.๐๐ น.
- ๑๔.๐๐ น.
* บริเวณต้นมะรื่น "เรื่องญาณปัญญาของอริยภูมิ" โดยสมณะร่มเมือง
ยุทธวโร
* บริเวณศาลาที่พักเขตหญิง "เรื่องเส้นทางรักสู่โลกุตตระ" โดยสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน
อโศกตระกูล
* บริเวณศาลา ๖ เหลี่ยม "เรื่องเห็นโทษภัยในประโยชน์" โดยสมณะหม่อน
มุทุกันโต
* บริเวณศาลาฟังธรรมส่วนกลาง "ธรรมะสำหรับเด็ก" โดยสมณะเก้าก้าว
สรณีโย
ธรรมะภาคบ่าย ๑๔.๐๐ น. -
๑๖.๐๐ น. รายการปิตุบูชา ปัญญาสมโภช โดยมีสมณะบินบน ถิรจิตโต, สมณะร่มเมือง
ยุทธวโร, สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต, สมณะพอแล้ว สมาหิโต, สมณะดินดี สันตจิตโต,
สมณะหินแก่น นมวังโส, สมณะเก้าก้าว สรณีโย, สมณะดาวดิน ปฐวัตโต, สมณะดงดิน
สุนทโร, สมณะลานบุญ วชิโร, สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต, และสมณะคำจริง วจีคุตโต
โดยมีสมณะเดินดิน ติกขวีโร ดำเนินรายการ
ธรรมะภาคค่ำ ๑๘.๐๐ น. -
๒๐.๐๐ น. รายการสัมภาษณ์ปฏิบัติกรชุด "เฉียด" ซึ่งมีผู้ร่วมรายการคือ
สมณะเทินธรรม จิรัสโส ทนายเท้าเปล่ารินไท มุ่งมาจน, ชาวอเมริกา ๑ คน และพลตรีจำลอง
ศรีเมือง โดยมี สมณะเสียงศีล ชาตวโร ดำเนินรายการ
พุธ ๑๕ ก.พ.'๔๙ ๐๓.๓๐ น.
รายการธรรมะรับอรุณ พ่อท่านแสดงธรรมในหัวข้อเรื่อง "ความเป็นคนหมดทุกข์"
มาเทศน์การดับทุกข์ต้องดับที่ตัณหา ต้องมีปริญญา ๓ ตามรู้ตามเห็นให้ชัดๆ(ชานโต
ปัสสโต วิหรติ) มีปฏิจจสมุปปบาทเป็นหลักปฏิบัติ(มรรค ๘) พ่อท่านได้นำสภาวะจิตของพระอนาคามี
๕ ประการมาอธิบายด้วย ให้ผู้ปฏิบัติธรรมตรวจสอบสภาวะจิตด้วยเจโตปริยญาณ ๑๖
ธรรมะก่อนฉัน ๐๙.๐๐ น. -
๑๐.๐๐ น. เรื่อง "กว่าจะถึงวันนี้" โดยสมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
และสมณะถ่องแท้ วินยธโร เรื่อง "สังคมอุดมคติดีจริงหนอ"
ธรรมะตอนเที่ยง ๑๒.๐๐ น.
- ๑๔.๐๐ น.
* บริเวณต้นมะรื่น เรื่อง "ปัญญาฤาษี ปัญญาเทวนิยม ปัญญาโลกีย์ ปัญญาพุทธ"
โดย สมณะพอแล้ว สมาหิโต
* บริเวณศาลาที่พักเขตหญิง เรื่อง "ธรรมะเบาใจ" โดยสิกขมาตุนวลนิ่ม
ชาวหินฟ้า
* บริเวณศาลา ๖ เหลี่ยม เรื่อง "ขบวนการกลุ่มเชิงพุทธเป็นเช่นนี้"
โดยสมณะลานบุญ วชิโร
* บริเวณศาลาฟังธรรมส่วนกลาง "ธรรมะสำหรับเด็ก" โดยสมณะเก้าก้าว
สรณีโย
ธรรมะภาคบ่าย ๑๔.๐๐ น. -
๑๖.๐๐ น. เป็นการแบ่งกลุ่มญาติธรรมพบสมณะเกจิฯ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
รื่นเริงในธรรม
ธรรมะภาคค่ำ ๑๘.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. เป็นการสัมภาษณ์ชุดปฏิบัติกร ชุด "ชาวอโศกกับงานช้าง"
ดำเนินรายการโดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก
พฤหัสบดี ๑๖ ก.พ.'๔๙ รายการธรรมะรับอรุณ
เวลา ๐๓.๓๐ น. พ่อท่านแสดงธรรม ชี้ให้เห็นความเป็นอนัตตาจะต้องรู้ต้องเห็นไตรลักษณ์จริงๆ
มิใช่เห็นตามภาษาหรือตามความรู้สึกพื้นๆทั่วไป ต้องพยายามละสิ่งที่ถูกรู้เห็นด้วยอายตนะ
แล้วละความรู้สึกสุข ทุกข์ อทุกขมสุข
เวลา ๐๖.๓๐ น. ประชุมเตรียมงานเพื่อฟ้าดิน
ซึ่งจะจัดในวันที่ ๙ - ๑๒ มี.ค.'๔๙ ที่หมู่บ้านราชธานีอโศก กลุ่มญาติธรรมที่จะไปช่วยเตรียมงานให้เข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่
๗ มี.ค.'๔๙ แต่ละกลุ่มที่จะไปร่วมงาน ให้มีตัวแทนได้กลุ่มละ ๔๐ คน ที่ประชุมได้ตกลงจัดฐานงานขึ้นใหม่ทั้งหมด
๕ ฐาน คือ ๑. ฐานแก่นเชื้อและฐานแปรรูป ๒. ฐานผักพื้นบ้าน และสวนสามไร่ ๓.
ฐานปุ๋ยและพลังงาน
๔. ฐานสุขภาพ ๕. ฐานขยะ
ในงานเพื่อฟ้าดินปีนี้จัดให้มีการประกวดผลงานดีเด่นในแต่ละชุมชน และไม่มีการประกวดขบวนแห่
ธรรมะก่อนฉัน ๐๙.๐๐ น. -
๑๐.๐๐ น. เรื่อง "คิดอะไรมาก" โดยสมณะดินไท ธานิโย และเรื่อง "สายไป"
โดยสมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
ธรรมะตอนเที่ยง ๑๒.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น.* บริเวณต้นมะรื่น เรื่อง "ญาณปัญญาอันเป็นอาริยะเช่นนี้"
โดยสมณะร่มเมือง ยุทธวโร
* บริเวณศาลาที่พักเขตหญิง เรื่อง "มหาเมตตาไม่มีเสียใจ" โดยสิกขมาตุจินดา
ตั้งเผ่า
* บริเวณศาลา ๖ เหลี่ยม เรื่อง "ศีล สมาธิ มีผลดีต่อภูมิจิตอย่างไร"
โดยสมณะผืนฟ้า อนุตตโร
* บริเวณศาลาฟังธรรมส่วนกลาง "ธรรมะสำหรับเด็ก" โดยสมณะเก้าก้าว
สรณีโย
ธรรมะภาคบ่าย ๑๔.๐๐ น. -
๑๖.๐๐ น. รายการตอบปัญหาพาสุข สูง ประเสริฐ โดยพ่อท่าน
ธรรมะภาคค่ำ ๑๘.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ชุด "กู้ชาติ"
โดยสมณะเดินดิน
ศุกร์ ๑๗ ก.พ.'๔๙ ๐๓.๓๐
น. เป็นรายการธรรมะรับอรุณ โดยพ่อท่านยังคงนำหัวข้อธรรมจากพระสูตรต่างๆมาอธิบาย
อย่างละเอียด ลึกซึ้ง เช่น สภาวะองค์ธรรม ๕ ประการของอุเบกขา การได้ฌานแล้วเราโน้มน้อมจิตไปเพื่อตรวจทานมรรคผล
ว่ามีจริงเป็นจริงไหม ญาณ ๓ ปริญญา ๓ นำมาใช้ช่วยในการตรวจสอบอรูปฌาน ๔ และวิชชา
๙ อย่างไร รายได้ของผู้ปฏิบัติธรรม คือ การได้เห็นกิเลสและสามารถลดกิเลสได้
ธรรมะก่อนฉัน ๐๙.๐๐ น.-
๑๐.๐๐ น. เรื่อง "ธรรมานุภาพ" โดยพ่อท่านและพลตรีจำลอง ศรีเมือง
ธรรมะตอนเที่ยง ๑๒.๐๐ น. - ๑๔.๐๐ น.
* บริเวณต้นมะรื่น เรื่อง "อานาปานสติเกื้อกูลพุทธเช่นนี้" โดยสมณะกอบชัย
ธัมมาวุโธ
* บริเวณศาลาที่พักเขตหญิง เรื่อง "ธรรมะจากชาดก" โดยสม.บุญจริง
พุทธพงษ์อโศก
* บริเวณศาลา ๖ เหลี่ยม เรื่อง "ซาบซึ้งในอารมณ์แห่งอาริยธรรม"
โดยสมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
* บริเวณศาลาฟังธรรมส่วนกลาง "ธรรมะสำหรับเด็ก" โดยสมณะเก้าก้าว
สรณีโย
ธรรมะภาคบ่าย ๑๔.๐๐ น. -
๑๖.๐๐ น. รายการตอบปัญหา โดยพ่อท่าน
ธรรมะภาคค่ำ ๑๘.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ชุด "ปิตุบูชา"
ดำเนินรายการโดยสมณะกล้าจริง ตถภาโว
เสาร์ ๑๘ ก.พ.'๔๙ รายการธรรมะรับอรุณโดยพ่อท่าน
เนื่องจากเช้าวันนี้มีผู้เขียนคำถามอันเกี่ยวกับการบ้านการเมือง ถึงพ่อท่านเป็นจำนวนมาก
พ่อท่านจึงตอบปัญหาให้คลายใจ และให้ดูข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์ อีกทั้งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานพุทธาภิเษกฯ
ญาติธรรมบางส่วนได้
เดินทางกลับไปบ้างแล้ว
แม้จะล่วงเลยเวลาเที่ยงนานแล้ว
พ่อท่านก็ยังคงนั่งอยู่ที่ศาลาส่วนกลางเพื่อรอส่งลูกๆ ทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
เสียงพ่อท่าน ทักทายพูดคุย กับผู้ที่มากราบลา ด้วยความเบิกบาน อบอุ่น เป็นกันเอง
รอยยิ้มและความผ่องใส ของพ่อท่าน แววตาที่อ่อนโยน เป็นสิ่งตราตรึงใจของลูกๆทุกคน
ความดีอโศกต้อง ขจรไกล
มังสวิรัติผ่องใส ทุกเมื่อ
บุญนิยมรวมใจ เป็นหนึ่ง
เมตตาธรรมกว้างเกื้อ มโนน้อม บูชา
# แด่ธรรม
(จริงจริง ตามภพ)
พระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพระอรหันต์
จึงสุดประเสริฐ
ศาสนาพุทธคือโลกุตตรธรรม สอนเรื่องทุกข์และการดับทุกข์เท่านั้น
ความเป็นอรหันต์คือใบไม้กำมือเดียว
ความเป็นพระพุทธเจ้าคือใบไม้ทั้งป่า
การยึดตัวบุคคลจะทุกข์มาก การยึดเนื้อหาจะทุกข์น้อย
ความเป็นกลางคือการเข้าข้างฝ่ายที่ถูกต้อง
คนโง่เป็นกลางไม่ได้
คนเป็นกลางต้องกล้าตำหนิคนชั่ว กล้าชื่นชมคนดี
*** พ่อท่าน
๑๒ ก.พ.'๔๙
หน้า ๑๓
สิบห้านาทีกับพ่อท่าน
- ทีม สมอ. -
ปิตุบูชา ปัญญาสมโภช
เกิดแก่เจ็บตาย เป็นวัฏฏจักรของชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ
การได้ข่าวคราวความเจ็บป่วยของพ่อท่าน แม้ไม่บ่อยครั้งนักก็ตาม ลูกๆจะมีความรู้สึกร่วมกันว่า
แม้พ่อท่านจะมีสุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันก็ตาม แต่การใช้สังขารอย่างโหมงาน
ตลอดเวลา เปรียบเสมือนเครื่องจักรที่ใช้งานหนัก จึงเกิดอาการติดขัด เป็นการประท้วง
มีแต่การพักเครื่องและเสริมน้ำมันหล่อลื่น ก็จะเป็นการรักษาเครื่อง ให้มีสภาพดีขึ้น
ลูกๆก็ได้แต่ขอภาวนาส่งใจ ให้พ่อท่านแข็งแรงเหมือนเดิมโดยไว และสิ่งที่ลูกทุกคน
พร้อมจะทำ คือ มีความรัก ความสามัคคีต่อกัน ยอมลดอัตตาตัวเอง ซึ่งเป็นการปิตุบูชาอย่างแท้จริง
ถาม : ปีนี้พ่อท่านไม่ได้ไปงานฉลองหนาวเพราะอะไรคะ
?
ตอบ : ไม่ได้ไปงานฉลองหนาวที่ภูผาฟ้าน้ำปีนี้ก็เพราะว่าเกิดอาการไอมากจนคออักเสบ
พูดเสียงแหบ เสียงเสียไปหมดเลย ในเช้าก่อนวันที่จะออกเดินทางก็ไอบ้าง แต่ไม่มากเท่าไร
คืนนั้นก็ยังคิดว่าจะไปเพราะจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้แล้ว แต่พอรุ่งขึ้นที่จะเดินทางมันไอจนคอเสียเลย
รุ่งเช้าขึ้นมาผู้คนเห็นท่าแล้วก็ขอร้องว่า อย่าไปเลย อย่างนี้ไปไม่ไหวหรอก
ไปเจออากาศหนาวอีกจะยิ่งแย่ อาตมาคิดว่าทางโน้นก็นัดไว้แล้ว ตั๋วเครื่องบินก็จองแล้วจะไม่ไปยังไง
เขาบอกว่าไม่เป็นไร ตั๋วเครื่องบินมันเลื่อนได้ และพวกเราก็ลูกๆทั้งนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก
อาตมาดูแล้ว ถ้าเราไปเราก็คงพูดอะไรไม่ค่อยได้เท่าไร เสียงมันไม่มีเลย พูดอะไร
ก็คงไม่ได้เรื่องได้ราว แล้วถ้าไปเจออากาศหนาวเข้ามากๆด้วย ดีไม่ดีแค่ขึ้นเครื่องบินเท่านั้น
ก็จะไปไอโขลกๆอยู่ในเครื่องบินเขา ก็จะทำให้คนอื่นลำบากลำบนกัน ยิ่งพวกฝรั่ง
ยิ่งรังเกียจโรคหวัดกัน ก็เลยคิดว่า ตกลงไม่ไปก็ไม่ไป ก็เพราะเหตุนี้แหละ
ที่ไม่ได้ไปงานฉลองหนาวคราวนี้
คราวที่แล้วถึงขั้นเดินเดี้ยงบนภูผาฟ้าน้ำเลย
มันเจ็บ มันร้าว มันยอกไปหมด ส่วนกล้ามเนื้อที่เอวมันขยับไม่ได้เลย กระดิกนิด
กระดิกหน่อยมันปวด เจ็บไปหมด จนจะแย่ เขาบอกว่ามันเป็นโรคลม ก็รักษาแบบไทยจนหายเมื่อปีกลายนี้
ช่วงนี้ก็เป็นใหม่อีก เพราะงานมันช่วงเดียวกัน มันก็เกิดอาการคล้ายกันอีก
ไอแล้วก็เดี้ยงปวดเอวปวดอะไรต่างๆ แต่ปีนี้ยังไม่ได้ถึงขั้นเดี้ยง จนปวดเอวเท่าไร
เหลือแค่อาการไออย่างมากเท่านั้น ก็พยายามรักษาให้หายก่อน แต่พอถึงวัน จะเดินทางจริงๆ
ก็อย่างที่เล่า ก็เลยไปไม่ได้
ถาม : เนื่องจากตอนนี้การแพทย์ของเรามีหลายกระแส
พ่อท่านมีวิธีการเลือกรับการรักษาอย่างไร
ตอบ : อาตมาจะเน้นมาทางแพทย์แผนไทยมากหน่อย ไม่อยากใช้ยาปฏิชีวนะอะไรมากนัก
นอกจากจำเป็นถึงขั้น ถึงคราวจริงๆ โดยทั่วไป ก็อยากจะใช้วิธีรักษา แบบค่อยเป็นค่อยไป
แบบธรรมชาติหรือแบบไทยๆ แต่ก็ไม่ได้ไปยึดมั่นถือมั่นอะไรว่า จะต้องเป็นแบบนี้อย่างเดียว
อย่างอื่นไม่เอา ก็ไม่ถึงขนาดนั้น และก็ใช้วิจารณญาณ เลือกดูตามคราวตามควร
ถาม : สรุปอาการเจ็บป่วยของพ่อท่านให้ลูกๆรับรู้ด้วย
ตอบ : จริงๆแล้วผู้ดูแลพยาบาล ใครต่อใครที่มาดูแลเขาว่าอาตมานี่แข็งแรง กว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
จะว่าไป อาตมา แข็งแรงกว่า ความเป็นจริงนะ แต่คนอายุ ๗๐ กว่าปี มันจะต้องเป็นอย่างนี้แหละ
มันต้องมีอะไรเสื่อม หรือบกพร่องไปบ้าง เพราะฉะนั้น อาตมาว่าโดยค่ารวมแล้ว
สุขภาพร่างกายของอาตมายังใช้ได้ดี อายุขนาดนี้แล้ว โรคประจำตัวร้ายแรง ที่มันพาตายเอาง่ายๆก็ไม่มี
จุดอ่อนอยู่ที่คอ แต่มันก็ไม่ค่อยเจ็บคอนะ
มันคันคอ มีแรงดันมาจากข้างใน แล้วก็ไอ ไอไม่ใช่แบบเจ็บคอนะ มันไอ ไอมากๆ
อาการเจ็บคอก็นานๆครั้ง แต่ไอหนักๆถึงขั้นเจ็บคอก็เคยเป็น เพราะฉะนั้นจะบอกว่ามันเป็นที่คอมันก็ไม่เชิง
อาตมาว่า มันไม่น่าใช่ มันน่าจะมีสาเหตุ ประกอบกันหลายอย่าง แต่หมอเขาไม่รู้
ตรวจแล้วหมอคอที่ชำนาญเรื่องโรคคอ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร คงเป็นเพราะวัย หมอที่เชี่ยวชาญทางคอ
จมูก ได้ตรวจดูแล้วก็บอกว่า สุดท้ายมันเป็นไปตามวัย พอถึงวัยไม่รู้จะทำไงก็เป็นจุดเสื่อมไปตามปกติ
และมันก็ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน ถ้ามีอะไหล่เปลี่ยน คงสามารถซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนได้
โดยสรุปแล้ว มันยังไม่ชัด ยังไม่รู้ต้นเหตุ ของโรคแน่ชัด หมอเขายังบอกไม่ได้ว่า
มันเป็นที่คอหรือเส้นเสียง เอาล่ะมันอาจจะชำรุด นิดๆหน่อยๆ แต่ว่าไม่ใช่ตรงนั้น
ที่จะทำให้ไอขนาดหนัก ก็ยังจับสาเหตุไม่ได้ แต่คิดว่ามันคงเป็นองค์รวมของส่วนประกอบของอวัยวะ
ในส่วนที่เกี่ยวกับลม เกี่ยวกับคอตรงนี้ อาตมาสังเกตมาหลายที ถ้าเวลามันไอแล้ว
พอถึงเวลาจวนจะหาย มันจะขับเสลดออกมา เป็นก้อนเหลืองๆ เขียวๆข้นๆออกมา จนกระทั่ง
เหลือ เสลดใสจนหมด แล้วก็หาย เพราะฉะนั้น ไอ้ที่มันกระจุกเป็นเสลด ที่ถูกขับออกมานี่
คงจะเป็นอะไรที่มันเข้าไปสะสม พอถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะขับออก ตามธรรมชาติ
มันไม่ใช่ที่คอทีเดียว มันเป็นอะไรไม่รู้ พอถึงปีหนึ่ง หรือบางทีอากาศเย็นเยอะๆ
ก็จะเกิดอาการ
ถาม : ฟังข่าวเช้านี้กล่าวหาสันติอโศกหลายข้อโดยไม่มีมูลความจริง
ตอบ : อาตมาว่าในการพิจารณาวินิจฉัยความคิด ความเห็น ความเข้าใจ เขาก็วินิจฉัยไปตามภูมิตามปัญญาของเขา
ในข้อที่ เขากล่าวหาว่า เราไปเป็นม็อบรัฐบาล นั่นก็เป็นข้อกล่าวหาตามความเข้าใจของเขา
ความจริงเราไม่ได้ไปเป็นม็อบ(Mob) ของใคร เราไม่ได้เป็นม็อบด้วย เราเป็น
Protest เราเป็นกลุ่มชนที่เข้าไปประท้วง คัดค้านบางสิ่งบางอย่าง ที่มันไม่ชอบมาพากล
อย่างที่เราไปคัดค้าน ในการเอาน้ำเมา เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะเราเห็นว่ามันจะแพร่หลาย
และมันจะบานปลาย ซึ่งจะทำลายสังคมอีกมากมาย เราจึงไม่เห็นด้วยจริงๆ และเราก็ไปต่อต้าน
มันเป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทำกันได้โดยปกติธรรมดา พวกเราเป็นประชาชน
ก็ออกไปต่อต้าน การจะนำบริษัทน้ำเมาเข้าตลาด หลักทรัพย์กัน พวกเราเป็นนักปฏิบัติธรรมไปนั่งประท้วง
คนที่ไม่ได้เป็นนักปฏิบัติธรรม เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม และแถมเขาเข้าใจผิดกันมานานว่า
ธรรมะไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง คนที่พูดอย่างนั้น เป็นคนที่เข้าใจ ศาสนาพุทธยังไม่ถูกต้อง
หลงผิดว่าธรรมะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ที่จริงการเมืองคือเรื่องสำคัญกับสังคมมนุษยชาติ
ทั้งประเทศ ธรรมะก็เช่นกัน และมีความสำคัญกับสังคมมนุษยชาติยิ่งกว่าด้วย
เพราะในการเมืองต้องมีธรรมะ นักการเมืองยิ่งต้อง มีความเป็นธรรม ถ้าบอกว่าธรรมะหรือศาสนาไม่ควรไปยุ่งกับการเมืองก็เป็นการพูดอย่างที่เรียกว่าไร้ภูมิปัญญาจริงๆเลย
ไม่เข้าใจธรรมะ ไม่เข้าใจบทบาทศาสนา ไม่เข้าใจหลักแห่งความจริงว่าคนที่มีภูมิธรรม
หรือว่าคนที่ปฏิบัติธรรมนั่นแหละ ควรจะเข้าไป ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และเข้าไปช่วยการเมือง
โดยเฉพาะนักการเมืองนั่นแหละ ต้องเป็นคนมีธรรมะ การเมืองจึงจะดีจะบริสุทธิ์
เกิดความเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ ต่อสังคมประเทศชาติได้มากที่สุด คนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
พูดออกมาแล้วก็น่าขำทุกที เพราะมันเป็นเรื่องที่ ไม่น่าจะเข้าใจยาก ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจไม่ได้
แต่ทุกวันนี้สังคมนักการเมืองก็ดี จะไม่ให้ธรรมะเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือว่าไปแล้ว
ก็กีดกันไม่ให้ธรรมะ เข้าไปสู่การเมือง คนที่เป็นนักการเมือง ถึงย่ำแย่ ถึงเหลวไหล
เพราะไม่มีศีลธรรมจริยธรรม ไม่มีธรรมะในชีวิต ในจิตวิญญาณ สังคมจึงล้มเหลว
ลำบากลำบน และไปไม่รอดกันอย่างนี้ ซึ่งน่าจะเข้าใจกันอยู่ ไม่น่าจะไม่เข้าใจ
ถาม : ถ้าประชาชนเชื่อและเข้าใจสันติอโศกในทางที่ผิด
จะทำให้ชาวอโศกเสียหายไหม ?
ตอบ : ไม่เสียเลย ถึงเขาจะบอกว่าสันติอโศกมายุ่งกับการเมืองก็ไม่เสียหายเลย
ไม่ประหลาดอะไรเลย ถ้าบอกว่า พระไม่น่า จะไปยุ่ง กับการเมือง ก็เป็นส่วนหนึ่ง
แต่สันติอโศกไม่ใช่มีแต่พระ สันติอโศกคือประชากร ที่เป็นฆราวาสมากกว่าพระไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
เป็นคฤหัสถ์เยอะ แล้วก็มาตีขลุม ใช้คำว่าสันติอโศกไม่น่าจะไปยุ่ง เขากล่าวอย่างนี้
หมายถึงว่าชาวอโศกทุกคน เป็นนักปฏิบัติธรรม ซึ่งมันน่าภูมิใจ แต่แยกแยะให้ละเอียดสิ
ถ้าเขาบอกว่า สันติอโศก ไม่น่าไปยุ่งกับการเมือง เอ้า!ก็สันติอโศก ในส่วนที่เป็น
ประชาชนธรรมดา เป็นฆราวาสปฏิบัติธรรม ทำไมเขาไม่มีสิทธิไปยุ่งกับการเมืองล่ะ
เขาเป็นฆราวาส มีบทกฎหมาย หรือ ธรรมวินัยบทไหน บอกว่าประชากรนักปฏิบัติธรรม
หรือประชาชน ซึ่งเป็นฆราวาส ไปยุ่งกับการเมืองไม่ได้ มันมีตรงไหน แต่ถ้าจะบอกว่า
พระไม่ควรเข้าไปยุ่ง เอาล่ะ! เราก็เข้าใจ เพราะว่าเป็นค่านิยม หรือว่าเป็นธรรมเนียมจารีตของประเทศไทย
เขาเข้าใจกันอย่างนั้น อันนี้เราก็พอรับได้ แต่ความจริงที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
พระจะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก็ไม่ได้มีความผิดอะไรในหลักของธรรมะ หรือในหลักของศาสนา
ว่าพระไปยุ่งกับการเมืองไม่ได้ ที่ศรีลังกา พระเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)
อยู่ก็ตั้งหลายองค์ ไปนั่งทำงานการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรกันเลยมีจริงๆ พม่าจะเลือกตั้ง
ส.ส.กันนี้ ก็มีพระที่ไปสมัครรับเลือกตั้ง นี่เป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องผิดธรรมวินัยอะไร
เป็นแต่เพียงจารีตประเพณี ที่ถือกันมาในเมืองไทย เข้าใจอย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ก็เลยไม่เข้าเรื่องเข้าราว ที่จริงแล้วมันไม่ควรเป็นอย่างนั้น ในความหวังดีของคนที่เขามีอำนาจในสังคมยุคก่อน
เขาเห็นว่าการเมืองนี่ เป็นเรื่องไม่ดี คณะที่ไปทำงานการเมืองมันทุจริต มันเหลวแหลก
มันไม่มีสัจธรรม ไม่ซื่อตรง ใส่ร้ายป้ายสี ไม่มีจริยธรรม ไม่มีศีลธรรม เขาก็เลยไม่อยากจะให้ศาสนาอันเป็นสิ่งที่สะอาด
เข้าไปเกลือกกลั้วกับสิ่งเหล่านี้ จึงออกกฎหมายห้ามไว้ กฎหมายนี้ไม่ใช่ธรรมวินัย
เป็นเรื่องที่ตราขึ้นของคนที่ปรารถนาดี แต่ก่อให้เกิดความเสียหายลึก และยาวนาน
ที่ตรากฎหมายขึ้นมา ไม่ให้พระเข้าไปยุ่งการเมือง มันเรื่องของคนในยุคไม่นานนี้
ไม่ใช่ธรรมะไม่ใช่วินัยของพระพุทธเจ้า แม้แต่นักปฏิบัติธรรม รวมทั้งองค์กรการกุศล
สมาคม มูลนิธิ ก็ถูกห้ามเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย
สังคมไทยเสียหาย เพราะความเข้าใจผิดๆแบบนี้
เรื่องก็เป็นมาเช่นนี้เอง
ต้องทำความเข้าใจให้ดีๆ ฆราวาสนั้นจะเป็นนักปฏิบัติธรรมหรือไม่เป็นก็คือฆราวาส
สามารถยุ่งเกี่ยว กับการเมือง ได้ทุกคนเต็มที่ ไม่ผิดกฎหมายเลย ซึ่งที่จริงธรรมวินัยของพุทธ
ก็ไม่ได้ห้ามแม้แต่ภิกษุ หรือพระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อย่างที่อธิบายไปแล้วว่า
สันติอโศกไม่ใช่มีแต่เฉพาะ พระภิกษุหรือสมณะเท่านั้น ประชากรที่เป็นฆราวาสมีมากกว่าพระ
และที่ไปทำการประท้วงคัดค้าน หลายครั้งหลายครา สมณะสันติอโศกก็ไม่ได้ไปร่วมเดินประท้วงด้วยสักหน่อย
แม้แต่พระของทางด้านมหาเถรสมาคม เขาก็ไป ประท้วงร่วม เฉพาะในตอนแรก วันแรกเท่านั้น
พอช่วงหลังๆนี่เขาได้มานิมนต์สมณะไปเทศน์ ไปให้ความเข้าใจอะไรกัน เราไปทำหน้าที่
สอนธรรมะตามที่มันจะเป็นคุณค่าเป็นประโยชน์ ซึ่งที่จริงถึงแม้จะไปร่วมต้านร่วมนั่งให้กำลังใจด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะการไปคัดค้าน ไปพูดเลยว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้อบายมุขน้ำเมาซึ่งผิดศีลข้อ
๕ เข้าตลาดหลักทรัพย์ แล้วมันจะแพร่ขยายน้ำเมา ได้กว้างขวางยิ่งๆขึ้นนั้น
การคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างนี้ จริงๆแล้วนักบวชควรมีบทบาทสำคัญ ควรจะไปช่วยกันต้าน
เพื่อไม่ให้สังคม มันเหลวแหลกไปยิ่งกว่านี้ การจะไปอ้างว่านี่มันเป็นเรื่องประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
คุณก็ว่ากันไป แต่ที่จริงเศรษฐกิจ ที่ไม่คำนึงถึง ความเสื่อมเสีย ของคนของประชากร
มุ่งแต่ตัวเลข มุ่งแต่รวย แย่งกันรวย เศรษฐกิจแบบนั้นมันเลวร้าย ทางธรรม
หรือทางพุทธศาสนา มีแนวคิดในเศรษฐกิจ ต่างกับเศรษฐกิจทุนนิยมชัดเจน เพราะพระก็ดี
นักบวชก็ดี สอนคนตามธรรมวินัย ซึ่งพุทธธรรมนั้น ส่งเสริมให้คนทุกคน มีคุณธรรม
และคุณธรรมที่จะพึงพูดพึงสอนกันนั้น เรียกว่า"กถาวัตถุ" (คำที่พึงพูด
พึงบอกกัน) ที่เป็นพุทธธรรมแท้ๆ ก็คือ อัปปิจฉะ สันตุฏฐิ ปวิเวกะ อสังสัคคะ
วิริยารัมภะ อัปปิจฉะคือมักน้อย สันตุฏฐิคือสันโดษ เป็นต้นด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้น
เศรษฐกิจที่คุณจะมุ่งไปเพื่อพากันรวยนั้น มันผิดแล้ว เศรษฐศาสตร์เชิงพุทธ
จึงเป็นเรื่องจะต้องมาลดละ มามักน้อย ซึ่งหมายความว่า ทำมากๆแต่เอาไว้เป็นของตนน้อยๆ
มาสันโดษก็หมายความว่า ใจพอ แม้มีน้อยก็รู้จักพอเพียง แล้วท่านก็สอนทำทาน
บริจาคกระจายเงินทอง ทรัพย์สินช่วยเหลือผู้ด้อยกว่า นั่นคือความเจริญของสังคม
ความเป็นอยู่สุขของมวลชน พหุชนสุขายะ ทรัพย์สินอะไร สะพัดออกไปสู่กันและกันมากขึ้น
ไม่ใช่มุ่งแย่งรวย แล้วก็ไม่รู้จักพอ จนคนที่เก่ง ก็รวยกันอยู่กลุ่มหนึ่งส่วนน้อย
แต่คนจนยิ่งกระจายไปมากขึ้นๆ เป็นส่วนมากของสังคม อย่างเศรษฐศาสตร์ทุนนิยมทำกัน
โลภโมโทสัน กอบโกยกันไม่จบ ซึ่งแท้ๆนั้น เศรษฐศาสตร์จริงๆ ก็ไม่ใช่อย่างนั้น
ต้องศึกษาพุทธธรรมให้ถูกต้อง
ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีคนให้เรา
๑๐ ล้าน ๒๐ ล้าน เพื่อใช้เราเป็นเครื่องมือ ก็เป็นเรื่องที่เขาเดาหรือกุขึ้นเอง
เขาผิดเอง ซึ่งเราช่วย ไม่ได้หรอก พวกนี้นั่งเดา ก็เดาไป หรือกุเรื่องใส่ความกันไปเรื่อย
เราไม่ไปตอบโต้หรอก คนพวกนี้เขามีเจตนาอะไรไม่รู้นะ และไม่รู้ว่า เขาเอาหลักฐานมาจากไหน
โดยเฉพาะต้นตอที่พูดแบบเดา หรือกุเรื่องเช่นนี้ ไม่ละอายต่อปากตัวเอง ที่พูดออกมา
เพราะมันไม่ได้มีอะไร ขอยืนยันว่าไม่จริงเลย เราเองเราไม่ได้แคร์อะไร เพราะมันเป็นไปไม่ได้
ก็เป็นธรรมดาของผู้ที่เขาไม่ชอบใจ เขาก็จะใส่ความ ใส่ไคล้อย่างนี้แหละ โลกมันไม่สิ้นการนินทา
ไม่สิ้นการว่าร้ายหรอก เมื่อเราตัดสินใจทำตรงนี้แล้ว เราก็เข้าใจ ไม่หวั่นไหวอะไร
พูดอธิบายได้ก็พูด แต่ถ้าไม่มีโอกาสจะพูด หรือว่าไม่สมควร จะพูด แม้พูดได้แต่พูดไปแล้วป่วยการ
ก็สู้ไม่พูดเสียดีกว่า หลายๆครั้งเราก็ไม่พูดตอบโต้อะไร
ถาม : พวกเราฟังแล้วอยากโทรไปแก้ข่าว
ตอบ : ถ้าทนไม่ได้ก็อยากไปชี้แจงต่างๆนานาอย่างนั้นแหละ แต่ถ้าจะเอาสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์
เป็นตัวที่ จะให้เราได้ฝึกปรือ หัดไม่ต้อง ไปโกรธไปเคือง ไม่ชอบใจอะไร เพราะว่าผู้ใหญ่หรือผู้ที่ดูแล
ผู้ที่เข้าใจก็มีอยู่ มีสมณะ มีพระ มีอาตมา มีผู้ที่มีความรู้ ในทางธรรม
อยู่มากพอ ก็รู้ข่าวคราวกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ก็มาหารือผู้ใหญ่ก่อน ไม่จำเป็นต้องไปทำเอง
เพราะว่าถ้าทำไปแล้ว การไปแสดงออกกันเอง บางทีมันก็เสียผลด้วยซ้ำไป ถ้าเกิดไปพูดไม่รู้เรื่องรู้ราว
ถาม : ความหมายของ ม็อบ
กับ โปรเทสต์ มีความต่างอย่างไร
ตอบ : กลุ่มชุมชนหรือฝูงชนที่เข้าไปจับกลุ่มชุมนุมกันเป็นฝูงชนแล้วก็ไปก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคม
หรือถึงขั้น จลาจลก็ตาม เราเรียกกลุ่มชน หรือฝูงชนที่ก่อกลุ่มกันแบบนั้นตามภาษาอังกฤษว่า
Mob ผู้คนส่วนมาก ที่เข้าไปเกาะกลุ่มกันโดยทั่วไป มักจะเป็นคนที่มีกิเลส
แล้วก็มีอารมณ์ ไม่ชอบใจ เมื่อพกพาเอาความไม่ชอบใจ เข้าไปเกาะกลุ่มกัน แล้วก็ไปปลุกเร้ากัน
ไปทำโน่นทำนี่ อะไรก็แล้วแต่ จนเกิดเหตุการณ์ กลายเป็นกลุ่มที่ก่อให้เกิดความรุนแรง
เกิดความวุ่นวาย เกิดความจลาจลขึ้น ก็เรียกว่า ม็อบ คนส่วนใหญ่ในโลกนั้น
ล้วนมีกิเลสกันใช่ไหม เพราะฉะนั้น เมื่อชุมนุมประท้วงกันทีไรก็มักจะมีการโกรธแค้น
จึงทะเลาะวิวาท ก่อความรุนแรงกัน ในการชุมนุมนั้นๆแทบทั้งนั้น คำว่า ม็อบ
จึงเป็นที่รู้กันกว้างขวาง ก็เรียกกลุ่มคนที่ชุมนุมประท้วงว่า ม็อบกันไปหมด
ซึ่งอันที่จริงคำว่า Mob ต่างจากคำว่า โพรเทสต์ ตรงที่ Protest แปลว่า ผู้คัดค้าน
หรือการคัดค้าน หรือการประท้วง หรือการยืนหยัด ยืนยันในสิ่งที่เห็นว่า ควรจะต้องคัดค้าน
ควรจะต้องประท้วง ซึ่งก็มีการรวมตัวเป็นกลุ่ม ชุมนุมกันขึ้นเหมือนกัน แต่เป็นการชุมนุมอย่างสันติ
ไม่เกิดความรุนแรง ไม่เกิดจลาจล ไม่เกิดความวุ่นวาย เพราะไม่เกิดความโกรธแค้น
เกลียดชัง พยายามรักษาสถานการณ์ ให้เป็นการประท้วงอย่างสงบ อย่างไม่ให้เกิดเรื่องเกิดราวรุนแรง
รักษาความสุภาพเรียบร้อยทุกอย่าง แต่ก็แสดงออก ในลักษณะเป็นผู้ประท้วง ผู้คัดค้านตามสิทธิเสรีภาพ
ที่จะควรจะแสดงได้ ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทั่วโลก เขาก็รู้กันดี เพราะฉะนั้น
ผู้ที่เขารักษาสถานการณ์ของการชุมนุม ประท้วงได้อย่างสงบ เรียบร้อย สุภาพ
ถึงแม้จะเป็นการแสดงออก ซึ่งลักษณะที่จะประท้วง หรือคัดค้านอะไร ก็แสดงอย่างมีกิจจะลักษณะ
อย่างมีคุณภาพ ไม่เกิดความรุนแรง ไม่ปลุกเร้ากัน จนก่อความวิวาทวุ่นวายขึ้นมา
กลุ่มอย่างนี้เรียกว่า กลุ่ม Protest เช่นกลุ่มของ ท่านมหาตมะคานธี ที่มีสันติ
อหิงสา อโหสิ เป็นกลุ่ม Protest ที่เป็นตัวอย่างหลักเลย กลุ่มชุมนุมประท้วงของท่านมหาตมะคานธีนั้น
แม้จะถูกทำร้ายก็ไม่ตอบไม่โต้ ยอมถูกทำร้าย เพื่อให้เกิด สันติ อหิงสา อโหสิ
เกิดความยอมอโหสิ คือ อภัย ถึงเขาจะทำร้ายเรา เราก็อภัย ไม่โต้ไม่ตอบ ไม่ให้เกิดความรุนแรงวุ่นวาย
เขาตีเราก็หลบเลี่ยงให้ได้ เลี่ยงไม่พ้นก็ยอม และถึงแม้เกิดเขาทำความรุนแรงกับเรา
โดยเราเป็นผู้ได้รับการทารุณ ได้รับการเจ็บปวดอะไรขึ้นมาก็ตาม เราก็ไม่พยายามโต้ตอบ
นี่คือพวกอหิงสา อโหสิ เป็นพวกที่ไม่เอากิเลสเป็นตัวนำหน้า ควบคุมความโกรธแค้นได้
เสียสละจริงๆ เป็นกลุ่มประท้วงต่อต้านที่มีคุณภาพ และเป็นกลุ่มชนที่ทำหน้าที่ให้แก่สังคมอย่างมีคุณภาพ
เราก็เลียนแบบกลุ่ม Protest ของท่านมหาตมะคานธีซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี.
ในยุคข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดน
สิ่งที่ตามมาคือ การพูดโกหก
การพูดใส่ร้ายป้ายสี และการสร้างภาพ ซึ่งเป็นวิธีการทำลายล้างกันอย่าง
ง่ายๆ ถ้าผู้นั้นขาดจิตสำนึก ไม่มีศีลกำกับชีวิต จึงไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับ
สัจจะที่ว่า "คนที่โกหกได้แล้ว ไม่มีอะไรในโลกที่เขาจะทำไม่ได้อีก"
เราผ่านยุคของศีล สมาธิ สู่ยุคของปัญญาสมโภช วันนี้เราต่างกำลังถูกท้าทาย
ฤาอโศกจะถึงเวลาผลัดใบอีกครั้ง
หน้า ๒๐
จดหมายจากญาติธรรม
# # # สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเราเอง
กระผมได้เป็นสมาชิกสารอโศกได้
๘ ปีแล้ว และได้อ่านหนังสือสารอโศก อันดับ ๒๘๘ ของเดือนตุลาคม ปี'๔๘ กระผม
ได้อ่านพบว่า ดื่มน้ำวันละ ๕ แก้วตอนเช้า ก็ตรงกับของตัวพอดีเลยครับ และกระผมขอให้สารอโศก
เผยแพร่ต่อไปเถอะครับ คือว่า กระผมมาใช้ชีวิต อยู่ในเรือนจำได้ ๘ ปี
กระผมดื่มน้ำเปล่าขณะท้องว่าง ในเวลาตี ๕ ถึง ๖ โมง กระผมจะดื่มน้ำเปล่าทุกวันประมาณ
๑ ลิตร หลังจากดื่มน้ำแล้ว ประมาณ ๑๕ ถึง ๒๐ นาที ก็จะต้องเข้าห้องน้ำ เพื่ออุจจาระและปัสสาวะที่คั่งค้างในร่างกาย
ขับถ่ายออกมาหมด จากนั้นกระผมก็ทำงานได้ ไม่ว่างานหนัก หรืองานเบา ชีวิตที่อยู่ในเรือนจำ
๘ ปี กระผมไม่เคยกินยา และไม่เคยไป โรงพยาบาลเลย สุขภาพโดยทั่วไป ก็ปกติดี
(ไม่ควรกินอาหารก่อนดื่มน้ำ) ขอแจ้งมาเพื่อเป็นบุญกุศลร่วมกัน หากใครกำลังปฏิบัติ
เช่นกระผม โปรดแจ้งลงในสารอโศกด้วย เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานต่อไป
* นายทองดี มะโนคำ (แม่สาย เชียงราย)
- น้ำดื่มธรรมดาๆ ถูกมองข้ามไป
ไม่ทดลองดื่มดูเองก็คงไม่รู้ความจริง คุณสมบัติของน้ำช่วยชำระล้าง ช่วยให้สิ่งตกค้าง
สามารถถูกระบายออกมาได้ทั้งทางอุจจาระ - ปัสสาวะ - ทางเหงื่อ ได้ง่ายสะดวกขึ้น
นอกจากนี้ ยังช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้สมดุล และให้ความชุ่มชื่น กับระบบการทำงานของร่างกายอีกด้วย
ผู้ใดสามารถฝึกตนให้ดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนได้ นับเป็นผู้เอาชนะตนได้ ระดับหนึ่งทีเดียว
เพราะน้อยคนนักจักทำได้
# # # ทุกชีวิตล้วนถูกลิขิตด้วยกรรม
ถ้าบังเอิญเราเป็นต้นเหตุทำให้สัตว์เล็กสัตว์น้อย
(มด แมลง) ได้รับบาดเจ็บ เช่น ขาหัก ปีกขาด ทั้งเจ็บเพียงเล็กน้อย ไปจนถึง
เจ็บมากๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เราควรจะทำใจและมีวิธีคิดอย่างไร สมัยเด็กๆ เคยได้ยินคนบอก
(จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนบอก) ว่าถ้าทำสัตว์ให้บาดเจ็บ จนถึงขั้นพิการ จะทำให้มีชีวิตอยู่ด้วยความทรมานตลอดชีวิตของเขา
เราควรจะช่วยด้วยการฆ่าให้ตาย ดีกว่าปล่อยให้อยู่ และตายอย่างทรมาน ยิ่งเค้าเจ็บมากทรมานมาก
คนทำก็จะบาปมาก ไม่ทราบว่าวิธีคิดอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่า ช่วยชี้แนะทาง
ที่ถูกที่ควรด้วย
* กมลวรรณ พยุงวงษ์ กทม.
- ยังไม่เคยพบพุทธธรรมข้อใดที่ส่งเสริมการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
แม้สัตว์เล็ก สัตว์น้อย หรือชีวิตที่อ่อนแอ ลำบาก ทรมาน แม้ด้วยใจที่อยากช่วยให้พ้นทรมาน
พุทธธรรมมีแต่สอนให้เข้าใจเรื่อง "กรรม" ทุกชีวิตเกิดมามีกรรมเป็นกำเนิด
เป็นเผ่าพันธุ์ เป็นของตนของตนทั้งสิ้น แต่ละชีวิตล้วนต้องจัดการชีวิตของตนทั้งสิ้น
ไม่มีใครอาจสามารถไปจัดสรรชีวิตของใครอื่นได้เลย นอกจากตนเท่านั้น ดังนั้นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง
ให้ระมัดระวังให้ดี ป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า โดยถือหลักว่าเราจะไม่ฆ่า ไม่ทำร้าย
ไม่ทำลายชีวิตผู้อื่นทั้งกาย-วาจา- แม้จิตใจเป็นอันขาด __บ.ก.
# # # รักเอย...รักใคร หากไม่ใช่รักตัวเอง
กระผมอกหักมาพักใจอยู่บ้านนอก
ไปทำงานกรุงเทพฯ ไปพบรักใหม่กับหญิงคนหนึ่ง ที่เราว่าเธอดีมากคนหนึ่ง จนเป็น
ความรักซ้อน เพราะผมมีครอบครัวแล้ว ทำงานร่วมกันมา ๕-๖ ปี ลืมเธอไม่ลง พอทราบข่าวว่าเธอแต่งงานใหม่ทำให้ทุกข์ใจมาก
ทั้งๆที่ผม ก็อยากให้เธอมีคนที่ดีกว่าผม และไม่มีพันธะ มาเป็นคู่ครอง มันเจ็บปวดรวดร้าวใจมาก
คือถูกกิเลสครอบงำ จนทำให้ทุกข์ เหมือนพระมาโปรดเมื่ออ่านดอกหญ้า และสารอโศก
พยายามสำรวมจิตใช้เวลากับตัวเองอย่างมาก ในการอดกลั้นอดทน และอ่าน ดอกหญ้า
พบธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ว่า......
"ความยินดีก็คือสิ่งที่เรียกว่า สุขเวทนา พอสุขเวทนาเกิดขึ้นมันชักติดใจ
- ชอบ - พอใจ - รักใคร่ ถ้าหากว่าชอบ - พอใจ - รักใคร่ - ติดใจ ในสุขเวทนา
มันก็เกิดความรู้สึกอยากได้ตามเวทนานั้น ยึดมั่นถือมั่นในเวทนานั้น มีความกระวนกระวาย
ครุ่นคิดจนกระทั่งปรุงเป็นภพ เป็นชาติ แล้วผลที่สุดก็ลงเอยด้วยความทุกข์"
ในชีวิตของเราทุกวันนี้ ถ้าพิจารณาดู ก็จะเห็นว่าชีวิตได้ตกเป็นทาสของสิ่งที่เรียกว่า
ความสุข หรือ สุขเวทนา โดยไม่สำนึกว่านี่แหละคือศัตรู
* สามารถ สร้อยสูงเนิน จ.กาฬสินธุ์
- "เธอเป็นคนดีมากคนหนึ่ง"
ก็เป็นเหตุผลที่มากเพียงพอแล้วที่จะไม่ครอบครองเป็นเจ้าของเธอ เพราะหากได้มาเป็นเจ้าของ
เธอย่อมต้องเป็นของเราแต่ผู้เดียว จะทุกข์ใจกว่านี้เยอะนะ ดังนั้นการที่เธอเลือกทางดำเนินของชีวิตเธอเองไปแล้วก็ดี....
เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ และ "เพื่อน" นั้น มีคุณค่ามากกว่า
"คนรัก" มากนัก ไม่เชื่อลองพยายามปรับใจดูสิ ! เป็นเพื่อนกัน สบายกว่ากันเยอะเลย......
__บ.ก.
# # # หากจะตายง่ายนิดเดียว
วัน-วัยที่ยังอยู่ ควรทำกุศลเพิ่ม !
เดือนนี้เป็นเดือนที่ต้องวางใจอย่างมาก ทดสอบจิตตัวเองด้วยว่าทำได้แค่ไหน
วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๘ ดิฉันกับสามี ไปที่ปฐมอโศก เพื่อไปหาลูกคนเล็กที่เรียน
ม.๑ ที่นั่น ทิ้งลูกชายอายุ ๑๙ ปี ให้ดูแลน้าที่ติงต๊อง กลายเป็นน้า ช่วยชีวิตหลานเฉยเลย
คือว่า.....ลูกชาย มีอาการหอบ เพราะกินยาเกิน เป็นไข้หวัดด้วย หลานจะหายใจไม่ออก
น้าจึงรีบเรียกคนข้างบ้าน ขอความช่วยเหลือ คนแถวบ้าน ให้พาไปส่งโรงพยาบาลเฉียดตาย
อย่างหวุดหวิด เช้าวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ รีบกลับชัยนาทกะทันหัน เพราะลูกชายอยู่ห้องไอซียู
บรรดาญาติทั้งหลายร้องไห้เหมือนเขาจะไปไม่รอดแน่ๆ เมื่อดิฉันไปถึง ร.พ.ชัยนาท
ตอนบ่ายโมง ต้องไปพูดปลอบใจพวกญาติว่า ถึงหมอแล้วไม่เป็นไร หมอรักษาดีที่สุดแล้ว
ต่างจะให้ย้ายไป ร.พ.เอกชน ปรึกษาหมอ หมอบอกว่า ที่นี่รักษาได้ ถ้าคนไข้ให้ความร่วมมือ
เมื่อป้าไม่เชื่อจะย้ายก็ไม่ว่า การรักษาจะไม่ต่อเนื่องกัน เพราะคนไข้ดิ้นมาก
กว่าจะสงบก็นาน แล้วคนไข้หัวใจล้มเหลวไปแล้ว เส้นเลือดฝอยก็แตก ดิฉันใจฝ่อ
แต่ก็ยังพอมีกำลังใจดี จึงไม่ย้าย
ก็ตั้งใจว่าถ้าลูกหายป่วยมาเป็นปกติจะให้ไปช่วยงานที่ปฐมอโศก
๑ เดือน รอปิดเทอมก่อน (เขาเรียนปวส. ปี ๑) พ่อเขา บนบวชใจที่บ้าน แล้วจะไปช่วยงานที่ปฐมอโศก
ดิฉันกินมังสวิรัติอยู่แล้ว เลยขอให้ลูกกินด้วยกุศลหรืออะไรไม่ทราบ ลูกหายป่วยดีวันดีคืน
ดิฉันและครอบครัวดีใจมาก รอปิดเทอมก็จะไปส่งให้อยู่กับน้องชายของเขา มีแต่คำถามทำใจได้ไงที่ไม่ร้องไห้
ดิฉันตอบว่า ยึดมั่นในสิ่งที่ดี คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งดีๆไว้ก่อน
ความดีก็มาหาเราเอง ดิฉันคิดเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว
* นรินทร์ เชื้อเนียม จ.ชัยนาท
- ลูกคือผู้สืบสายเลือด
ที่ผู้เป็นแม่ที่มีจิตใจงดงาม ย่อมเลือกทางเดินที่ดีที่สุดให้ลูกของตนตามปัญญาที่ตนเองมี
ทั้งนี้ ตัวเจ้าของเอง อันคือผู้เป็นลูกนั้น เขาเป็นเจ้าของชีวิตเป็นผู้กระทำกรรมของเขาเองด้วย
ดังนั้นหากโชคดีเขามีปัญญา รู้กุศล แยกออกจากอกุศลได้ ก็เป็นบุญ.... แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
คุณแม่ควรรักษากาย-วาจา-ใจของตนไม่ให้ตกต่ำ ไม่ว่าลูกจะเห็นด้วย หรือเห็นต่างจาก
ความปรารถนาดีของเราก็ตาม __บ.ก.
# # # อาหารเป็นหนึ่งในโลก
หลังจากเลิกกินเนื้อสัตว์
หันมาบริโภคพืชผักไร้สารพิษและข้าวกล้อง บางครั้งก็บริโภคอาหารอย่างพระโพธิสัตว์
ที่จืดชืด ไม่มีรสชาติ แต่เปี่ยมไปด้วยธาตุอาหารที่มีประโยชน์ ก็รู้สึกว่าอะไรหลายๆ
อย่างก็ดีขึ้น เจริญขึ้น พัฒนาขึ้น ขั้นตอนต่อไป ก็คงกำหนดมื้อ กำหนดจำนวนมื้อให้ลดลงจาก
๓ มื้อให้เหลือ ๒ มื้อ และมื้อเดียวในที่สุด ส่วนการปฏิบัติธรรมข้ออื่นๆ
ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป จากการที่ได้ปฏิบัติธรรมมาก็ทำให้รู้ว่า....แม้เราจะได้อ่านหนังสือธรรมะ
ฟังเท็ปธรรมะ โดยเฉพาะของพ่อท่าน ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ อย่างแท้จริงมากมายปานใดก็ตาม
ถ้าเราไม่เอาจริงไม่นำมาปฏิบัติอย่างจริงจังแล้วไซร้ การอ่าน การฟังมากมายก่ายกองก็ไร้ผล
จากการปฏิบัติธรรม อย่างเอาจริงเอาจังข้างต้นก็ทำให้เกิดมรรค เกิดผลตามมาอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพก็ดีขึ้น ทั้งทางกายและจิตใจ โดยเฉพาะจิตใจที่เมตตาต่อสัตว์ที่เมื่อก่อนไม่เคยคำนึงถึง
โรคร้ายต่างๆ ก็น้อยลง จะป่วยกล่าวไปไย ถึงความมีอายุยืนเล่า มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ
การแสดงธรรมของท่านจันทร์ทางสถานีวิทยุราชมงคลคลื่น ๘๙.๕ ทุกเช้าวันเสาร์
ซึ่งกระผมจะรับฟังเป็นประจำ นับว่าได้ประโยชน์มาก ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะได้รับธรรมะ
ที่มีคุณประโยชน์ และนำมาปฏิบัติสืบไป
* สุชาติ รุ้งทับทิม กรุงเทพ
- ฝึกหัด-ขัดใจตนกับเรื่องอาหารและการกิน
สามารถทำได้ทุกวัน เพราะเราต้องกินทุกวัน ต้องได้พบเจอกันทุกวันในสนามฝึกซ้อมรบและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโจทย์ตัวจริง
จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร แค่ไหน สำหรับ อาหารใจ การฟัง-การอ่านธรรมะในฐานะผู้ยังต้องฝึกหัดขัดเกลาอยู่พึงเห็นสำคัญให้มาก
เพราะช่วยเสริมกำลังใจอย่างมากทีเดียว __บ.ก.
# # # มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี
เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์
ผมก็มีขยะอยู่มากเหมือนกัน
พยายามกำจัดอยู่ครับ บางอันรู้ดีว่าเป็นขยะส่วนเกิน แต่ก็ยังหวงแหนตระหนี่ไม่อยากทิ้ง
อยากสละ ยังต้องพากเพียรอีกมากครับ
ช่วงนี้การปฏิบัติธรรมลุ่มๆดอนๆ ศีล ๕ เป็นปกติครับ เพิ่มข้อ ๖ วิกาลโภชนาฯ
ก็ยิ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่ครับ ตั้งใจจะกิน ๒ มื้อ แต่ก็ยังอดกินผลไม้ ขนมนอกมื้อไม่ได้
บางวันทำได้ บางวันตกหล่นดังตุ้บ ถ้าไม่พิจารณาให้ดีก็จะร่วงหล่นลงสู่อบาย(ตามความอยาก)อยู่เรื่อยๆ
๕-๖ เดือนที่แล้วไม่ได้ร่วมประชุมกลุ่มญาติธรรม ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนมีธุระเยอะตั้งแต่เมื่อไร
มีแต่ประชุมอบรมงานช่วยส่วนรวม ช่วยหมู่บ้าน ตำบล งานของหมู่กลุ่มเลยห่าง
ต้องขอเจริญอภัยกับหมู่กลุ่มด้วยครับ แต่ก็ยังปฏิบัติไปสู่ความพ้นทุกข์อยู่ครับ
* นายสมนึก มาลัยทอง จ.จันทบุรี
- ห่างหมู่กลุ่มไประมัดระวังใจตนให้ดีๆ
หากเผลอไปเห็นสำคัญใน"ความเก่ง"มากกว่า"ความดี" จะทำให้หลงทิศผิดทางได้นะ
__บ.ก.
# # # งดเว้นการฆ่า - เจริญเมตตาธรรม
สิ่งที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในตนเองคือ
๑. อารมณ์หงุดหงิด ไม่ทันใจ โดยเฉพาะเรื่องงานลดลงไปมาก มีความรู้สึก เป็นกลางๆ
มากขึ้น
๒. หลังจากลดการกินเนื้อสัตว์ใหญ่ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น
น้ำหนักไม่ขึ้น (ลดลงเล็กน้อย) แทบจะไม่เป็นหวัดเลย ซึ่งเมื่อก่อนดิฉันเป็นหวัดบ่อย
๓. ดิฉันไม่ค่อยได้ฝึกทำอาหารจึงไม่เคยฆ่าปลา(ทำปลา)เลย และยังปล่อยปลาทุกเดือน
เดือนละ ๑ ครั้ง ทำมาตั้งแต่อยู่ ม.ศ.๓ แต่เมื่อไป รับประทานอาหารนอกบ้าน
ทางร้านจะมีตู้ปลา บ่อปลาไว้ให้เลือกไปทำอาหาร ดิฉันเห็นปลาในบ่อรู้สึกว่า
มันน่ากิน ไม่ได้นึกสงสาร หรือมองถึงความน่ารักของมันเลย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งดิฉันไปเที่ยวที่เชียงใหม่
(ต้นเดือนธ.ค.) ดิฉันไป รับประทานอาหาร ที่มีการขายปลาแรด เป็นอาหารประจำร้าน
ดิฉันไปดูที่ตู้ปลามีปลาแรดว่ายน้ำอยู่ ๑ ตัว (ใหญ่มาก) ดิฉันรู้สึกสงสารมัน
ความรู้สึกเปลี่ยนไป จากน่ากิน เป็นน่าสงสาร และไม่กินมันค่ะ
๔. ดิฉันนั่งรถโดยสารประจำทางไปทำงานทุกวัน ดิฉันไม่เคยสนใจคนขับรถเลย รถจอดดิฉันก็ลง
แต่เดี๋ยวนี้ ดิฉันพูดขอบคุณ คนขับรถทุกครั้งที่จะลงจากรถ (ไม่ได้เสแสร้งพูดนะคะ)
ที่พูดเพราะรู้สึกว่าเพราะมีคนขับ ดิฉันจึงไปทำงาน ได้สะดวก ปลอดภัยทุกวัน
* กาญจนา ธนิกกุล จ.ชลบุรี
- เป้าหมายของศีลข้อ ๑ คือลดการฆ่า
การเบียดเบียน การทำร้าย ทำลายชีวิต เป็นการลด-ละ-ล้างโทสะที่มีในตัวของเราเป็น
ลำดับ จากง่ายๆ ไปจนถึงละเอียดขึ้นๆ จากเดิมที่เราไม่ค่อยจะได้คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น
จนกระทั่งรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ว่าจะเป็น คนขับรถ ที่เคยรับบริการจากเขามานานโดยไม่เคยสนใจเลย
แต่เดี๋ยวนี้เกิดรู้สึกขอบคุณจนกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ อีกทั้งยังรู้สึก
สงสารปลาที่เคยเห็นว่าน่ากินและไม่กินมันด้วย....น่าอนุโมทนานัก ! นี่ยังไม่งดเนื้อสัตว์ทั้งหมด
ยังมีอานิสงส์ต่อจิตใจ มากเช่นนี้ หากพัฒนาได้เจริญกว่านี้ชีวิตจะเบา ว่าง
ง่าย สบายไม่เป็นพิษโทษภัยกับชีวิตใดๆเลย มีแต่ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน โปร่งใจกว่านี้
สักปานไหนหนอ __บ.ก.
หน้า ๒๖
กลุ่มโปรเตสท์ (PROTEST) ค้านน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น
เย็นวันเสาร์ที่ ๑๔ ม.ค.
๒๕๔๙ ขณะกำลังประชุมชุมชนสันติอโศก มีการติดแจ้งข่าวจากผู้ประสานงานศาสนิกชน
๖๗ องค์กร และ ๑๗๒ เครือข่ายงดเหล้าแจ้งมาว่า "ก.ล.ต.จะพิจารณาน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นในวันจันทร์ที่
๑๖ ม.ค. เวลา ๑๗.๐๐ น. นี้" ที่ประชุม พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรไปร่วมแสดงประชามติ
คัดค้านการนำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมเครื่องนอนพักค้าง โดยมีประเด็น ข้อเรียกร้องว่า
"ขอให้ ก.ล.ต. ปฏิบัติตามกฎหมายปี ๒๕๓๕ และ ๒๕๔๓ ซึ่งกำหนดไว้ว่า ธุรกิจที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้
ต้องเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม จึงไม่ควรพิจารณา
รับธุรกิจ เบียร์-เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์" ต่อจากนั้น มีการติดต่อ
ประสานงานเครือแหต่างๆ ให้มาร่วมการชุมนุมมหากุศล
วันจันทร์ที่ ๑๖ ม.ค. เวลา
๑๓.๐๐ น. ศาสนิกชน ๖๗ องค์กรและ ๑๗๒ เครือข่ายงดเหล้า ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่
สวนลุมพินี ฝั่งถนนวิทยุ โดยรถส่วนตัว รถกระบะ รถตู้ รถหกล้อ รถบัส การจราจรเริ่มหนาแน่นขึ้น
เมื่อผู้ชุมนุมคัดค้านมารวมตัวกัน ราวหมื่นคนเศษ จึงเดินขบวน ไปรวมกันที่หน้า
ก.ล.ต. ปิดถนน ๖ ช่องทางจราจร ตั้งเวทีปราศรัย ๒ เวที พี่น้องศาสนิกชนชาวพุทธ
คริสต์ อิสลาม นักเรียน นักศึกษา ขึ้นไปแสดงความคิดเห็น มีการร้องเพลง การเผาหุ่น
ฯลฯ รอฟังคำตอบจาก ก.ล.ต. มีข้อมูลสถิติความสูญเสีย จากน้ำเมาปี'๔๘ ลงตีพิมพ์
ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่า มีผู้เสียชีวิต ๓๐,๐๐๐ คน ค่ารักษาพยาบาล ๕๐,๐๐๐
ล้านบาท (ไม่นับรวมทรัพย์สินเสียหาย)
ช่วงค่ำได้รับเอกสารข่าว
ก.ล.ต. ฉบับที่ ๓/๒๕๔๙ วันจันทร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๙ ว่า "ตามที่บริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด
(มหาชน) ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศต่อสำนักงาน ก.ล.ต.นั้น
คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเสนอขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศได้
จึงมีมติให้สำนักงาน ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในการพิจารณาคำขออนุญาต ของบริษัทในการเสนอขายหลักทรัพย์
ในต่างประเทศต่อไป ส่วนกรณีคำขอเสนอ ขายหลักทรัพย์ ต่อประชาชนในประเทศนั้น
บริษัทได้มีหนังสือแจ้งว่า บริษัทยินดีให้สำนักงาน ก.ล.ต. ชะลอการพิจารณาไว้ก่อน
จนกว่าจะมีการดำเนินการผ่านร่างกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์"
เมื่อได้รับคำตอบจาก ก.ล.ต.แล้ว
ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้ว จึงยุติการชุมนุม
ทยอยเดินทางกลับ เก็บเครื่องเสียง และเวที แต่พลตรีจำลอง ศรีเมือง มีความเห็นแตกต่างว่ายังไม่น่าพอใจ
เพราะเป็นเพียงการเลื่อน การพิจารณาออกไปของ ก.ล.ต. แล้วก็จะแอบนำเรื่องนี้
เข้ามาพิจารณาอีก ดังเช่นที่เคยกระทำมาหลายครั้งแล้ว เราได้มีหนังสือเรียกร้องและมาชุมนุมกันครบ
๑ ปีแล้ว ยังไม่เคยได้รับหนังสือตอบเป็นทางการจาก ก.ล.ต.เลย ครั้งนี้เราขอให้มีหนังสือตอบที่ชัดเจนว่า
"ก.ล.ต.จะปฏิบัติ ตามกฎหมายปี ๒๕๓๕ และ ๒๕๔๓ ไม่นำเบียร์-เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์"
ชาวสถาบันบุญนิยมจึงร่วมแสดงเจตนารมณ์ตามข้อเรียกร้องนี้ด้วย เรารวมกันเป็น
"กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักยืนหยัดยืนยันคัดค้านด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจนอย่างสันติ(อหิงสา
อโหสิ) ด้วยความสุภาพ สะอาด สว่าง สงบ เรียบร้อย ราบรื่น ง่ายงาม" ในที่นี้ขอเรียกชื่อกลุ่มผู้ชุมนุมลักษณะเช่นนี้ว่า
"กลุ่มโปรเตสท์(PROTEST)" เรามิใช่กลุ่มม็อบ (MOB) หรือกลุ่มชน
ที่มาจับกลุ่มกันก่อความไม่สงบ ความวุ่นวาย จลาจล
ผู้อยู่พักค้างคืนร่วมกับพลตรีจำลอง
มีทั้งนักเรียนสัมมาสิกขา และญาติธรรม ในคืนนั้นพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ สมณะ
และสิกขมาตุ อีกหลายรูปเดินทางไปสนทนาให้กำลังใจ สักพักใหญ่จึงเดินทางกลับ
เช้าวันอังคารที่ ๑๗ ม.ค.
๒๕๔๙ ประชุมสถาบันบุญนิยม มีข้อสรุปว่า เห็นควรเลื่อนการจัดงานกสิกรรมไร้สารพิษเพื่อฟ้าดิน
ที่บ้านราชฯ และงานอบรมของศูนย์ฝึกฯออกไปอย่างไม่มีกำหนด ติดต่อข่ายแห เครือแห
แจ้งข่าวให้มารวมตัวกันที่หน้า ก.ล.ต. ตอนบ่ายแนวร่วมทยอยเข้าพื้นที่ ขนเต็นท์
มุ้ง กลด เครื่องเสียง อาหาร น้ำ ฯลฯ เข้ามาเสริมหนุน เราติดต่อขอเช่ารถสุขา
ขอซื้อน้ำดื่มและยืมแท็งก์น้ำสเตนเลสจาก กทม. บรรยากาศนี้ทำให้นึกถึงงานซับขวัญชาวใต้(สึนามิ)เมื่อต้นปี'๔๘
ที่มีการระดมพลเป็นกองทัพธรรมไป จ.พังงา งานนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นสึนามิ
๒ ให้ชาวบุญนิยมต้องมาทนต่อความยากลำบาก ต้องมานั่ง นอนข้างถนนซึ่งเป็นที่ที่ไม่สมควร
มาเชื่อมร้อยเครือแห ประสานสัมพันธ์พันธมิตร ลดอัตตามานะ ลดความเอาแต่ใจตัว
โดยยังประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เพื่อน้อมถวายเป็นปฏิบัติบูชาแด่พ่อท่านฉลองครบรอบ
๗๒ ปี
บรรยากาศหน้า ก.ล.ต.โดยรวมของแต่ละวันมีดังนี้
เช้าตื่นประมาณ ๐๕.๐๐ น. เก็บเต็นท์ มุ้ง ทำภารกิจส่วนตัว ทำความสะอาดพื้น
ผ้ารองนั่ง ราว ๐๖.๐๐ น. ออกกำลังกายราว ๑ ช.ม. ต่อด้วยการเรียนแบบบูรณาการการศึกษาของนักเรียนสัมมาสิกขา
เป็นการศึกษานอกห้องเรียนจากสถานการณ์จริง เวลา ๐๘.๐๐ น. ยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกัน
โดยกำหนดการกินวันละ ๒ มื้อ มื้อเช้า เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. มื้อเย็น เวลา
๑๕.๐๐-๑๗.๐๐ น. มีญาติธรรมมาทำอาหารจานเดียว ส่วนชาวอิสลามก็มาหุงข้าวและทำอาหารหม้อใหญ่ๆเช่นกัน
เราเชิญให้ชาวอิสลามตักอาหารก่อน ต่อด้วยญาติธรรมผู้ใหญ่ และนักเรียน เมื่อพร้อมเพรียงกันแล้วจึงพิจารณาอาหารพร้อมกัน
นั่งรับประทานอาหารพร้อมกับดูหนังละครเกาหลีเรื่อง "แดจังกึม"
สร้างความซาบซึ้งใจให้หลายคน จนนักเรียนบางคนที่กลับมาพักที่สันติฯต้องการเดินทางไป
ก.ล.ต.ให้ทันเวลาฉายหนัง
ราว ๑๒.๐๐ น. เริ่มรายการบนเวที
การขับร้องเพลงจากศิลปินชาวพุทธ คริสต์ อิสลาม สร้างความสนุกสนานรื่นเริงราวกับจัดงานเลี้ยงสังสรรค์มิใช่การชุมนุมคัดค้าน
บางวันมีการถ่ายทอดสดผ่าน "ดาวธรรม" ระหว่างเวลา ๑๕.๐๐ น. มีการทำละหมาดของพี่น้องชาวอิสลามเป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมง
๑๘.๐๐ น. เคารพธงชาติ และการทำละหมาด กิจกรรมต่างๆหยุดหมด เพื่อพี่น้องชาวพุทธได้มีโอกาสเห็นพิธีกรรมอันสงบ
เรียบร้อย ง่ายงาม เสร็จแล้วเริ่มรายการบนเวทีต่อ
เวลา ๑๙.๐๐-๒๐.๐๐ น. พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์แสดงธรรมลีลาหน้า
ก.ล.ต. มีเนื้อหาเกี่ยวกับคนจนมหัศจรรย์คือ ผู้กอบกู้สังคม ให้ไปรอด ขอร้อง
/ ขอความกรุณาอย่านำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ จบการแสดงธรรม ผู้คัดค้านส่วนใหญ่
เดินทางกลับที่พัก นักเรียนส่วนใหญ่กลับสันติอโศก อีกส่วนหนึ่งพักค้างอยู่หน้า
ก.ล.ต. ช่วยกันเก็บกวาด ทำความสะอาดผ้ารองนั่งและถนน เลื่อนแผงรั้วเหล็กร่นเข้ามา
๑ ช่องจราจร เพื่อเปิดให้รถสัญจรสะดวกขึ้น ช่วยกันกางเต็นท์ที่พักเรียงเป็นแถว
๔๐ กว่าหลัง ต่อด้วยมุ้งและกลด โดยให้นอนเต็นท์ละ ๓-๔ คน ให้ฝ่ายหญิงเข้าให้เต็มก่อนจึงต่อด้วยฝ่ายชาย
ส่วนเกินให้ไปกางเต็นท์ มุ้ง กลด นอนริมทางเท้า ข้างกำแพงสถานฑูตอเมริกายาวเกือบตลอดแนว
บรรยากาศที่สันติอโศกก็คึกคักไม่แพ้กัน
ชมร.หน้าสันติฯรับทำอาหารส่งให้กลุ่มโปรเตสท์ Protest ที่หน้า ก.ล.ต. จึงมีความจำเป็นต้องปิดร้านชั่วคราว
เช้ามืดจัดเวรนักเรียนแต่ละโรงเรียนมาทำอาหารหมุนเวียนกันไป ๐๗.๐๐ น. ขนอาหารขึ้นรถหกล้อพร้อมนักเรียนบางส่วนเดินทางไปหน้า
ก.ล.ต. ๐๘.๐๐ น. ให้นักเรียนรับประทานอาหาร ๐๙.๓๐ น. เดินทางไป ก.ล.ต. ๑๓.๐๐
น. นักเรียนที่จะไปพักค้างที่หน้า ก.ล.ต.ออกเดินทางราว ๒๐.๓๐ น. นักเรียนเดินทางกลับสันติอโศก
สรุปการชุมนุมคัดค้านน้ำเมาตั้งแต่วันที่
๑๖-๒๔ ม.ค. ๒๕๔๙ เป็นเวลา ๙ วัน ๘ คืน ผลลัพธ์คือ "ครม.รับมติควบคุมน้ำเมา
โดย นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันจะออกกฎกระทรวงควบคุมการขาย
การดื่ม สื่อโฆษณาน้ำเมาทุกชนิด ๒๔ ชั่วโมง ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๔๕ วัน และ
ก.ล.ต.ต้องทำตามกฎหมาย ไม่นำน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์" ข้อเรียกร้องเป็นที่น่าพอใจ
จึงยุติการชุมนุม ในตอนหัวค่ำวันที่ ๒๔ ม.ค. และนัดมาฟังคำตอบวันที่ ๑๓ มี.ค.
ที่หน้า ก.ล.ต. ต่อจากนั้นพวกเราต่างช่วยกันเก็บบุญ ทำความสะอาด เก็บข้าวของ
และเต็นท์ กลับสันติฯและปฐมฯ รถหกล้อ กลับมาขนของ เที่ยวสุดท้ายราว ๒๔.๐๐
น. เราส่งคืนพื้นผิวจราจรที่สะอาด เรียบร้อยให้ประชาชนใช้สัญจรได้ตามปกติ
ยกมือไหว้ และกล่าวคำอำลา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี
สันติบาล รปภ.สถานฑูตอเมริกา รปภ.อาคารดีทแฮล์มซึ่งมี สนง. ก.ล.ต.อยู่ชั้นบน
ด้วยความสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส
* คุณอดิศักดิ์ วรรณสิน
นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ กล่าวว่า
"เราได้มาร่วมรณรงค์กับ ท่านพลตรีจำลอง เพราะมีความเห็นไปในทำนองเดียวกัน
คือไม่ต้องการให้เครื่องดื่มมึนเมา แพร่หลาย มาทำลายลูกหลานเรา เพราะลูกหลานเราวันนี้
คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ถ้าหากในวันนี้เด็กหรือเยาวชนถูกทำลายแล้ว อนาคตข้างหน้า
ของประเทศชาติจะไม่มีเลย ผมว่ามันเป็นวิธีการคืบคลาน คือเมื่อก่อนนี้อาจจะใช้สงครามรถถัง
เพื่อรบมาข่มขู่กัน นี่เปรียบเสมือนเป็นสงครามอย่างหนึ่ง แต่เป็นสงครามเศรษฐกิจ
โดยใช้เศรษฐกิจที่เรียกว่าเครื่องดื่มมึนเมา มาทำลาย ทรัพยากรบุคคล เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในฐานะที่ท่านมาเป็นผู้นำเกี่ยวกับเรื่องนี้
เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง เท่ากับเป็นการช่วยให้ประเทศชาติมีความมั่นคง
แล้วสามเสาหลัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยังคงอยู่"
* ฮัจยีอิปรอฮีม บินฮัจยีการีม
(อิหม่ามสมใจ รื่นพิทักษ์) ผู้ประสานงานเครือข่ายมุสลิมภาคกลาง
"เราเห็นว่าเบียร์เหล้านั้นจะนำมาซึ่งภัยพิบัติมากมาย ถ้าธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์
เบียร์เหล้ามันก็จะผลิตมากขึ้น ขายมากขึ้น แล้วจะทำให้เยาวชนของเราหลงผิดมากขึ้น
ทำให้เป็นที่ลำบากใจสำหรับนักการศาสนาทุกๆศาสนา ที่พยายามเรียกร้องคนสู่ความดี
แต่ว่าในขณะเดียวกันมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยเงินเป็นหลัก หวังผลกำไรโดยอยู่บนพื้นฐานของการผลิตสิ่งที่เป็นอบายมุข
เป็นการมอมเมาเยาวชน"
* คุณอิสระกุล ธัมมะรักษ์สัจ
(ดีเจ.เด็ดดวง) สถาบันสอนภาษาอังกฤษคริสตจักร อิงลิชควิค แอน อีซี่
"การชุมนุมครั้งนี้ก็เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่เราสามารถจะทำได้ ตราบใดเป็นการชุมนุมโดยสงบแล้วก็ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
การที่คริสเตียนไม่ดื่มเหล้า เพราะต้องการเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ซึ่งเกิดขึ้นภายในใจของเรา
ไม่ใช่กลัวกระทำผิดศีล พระคัมภีร์ไบเบิลไม่เคยห้ามดื่มเหล้า แต่ใช้การดื่มเหล้าเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่งชี้คุณภาพของบุคคล
เช่น อย่าให้เหล้าแก่ผู้ปกครองบ้านเมือง เพราะจะทำให้การวินิจฉัยฟั่นเฟือน
เป็นต้น"
* คุณธำรงค์ แสงสุริยจันทร์
สถาบันบุญนิยม
"เราได้มาทำประโยชน์ตน - ประโยชน์ท่าน ฝึกความอดทน เสียสละ ลดละความเห็นแก่ตัว
ต้องมานอนกลางดิน กินข้างถนน ใช้ชีวิตร่วมกัน ประสานกับสังคมหมู่กลุ่มข้างนอกและข้างใน
มีการแลกเปลี่ยนหลักธรรมทางศาสนา ทางมุสลิมมีพิธี ละหมาดทุกวัน ศาสนาพุทธ
มีฟังเทศน์ฟังธรรม ทำให้จิตใจผู้ที่มาร่วมชุมนุมสงบ นับเป็นการชุมนุมของผู้เคร่งศาสนา
ได้ตรวจสอบตนเองว่า ยังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ได้ไหม? ถ้าได้ แสดงว่า สอบผ่าน
ถ้าสามารถทำได้สำเร็จตามที่เรียกร้อง คนในสังคมได้รับประโยชน์ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
ผลเสียจากการชุมนุมคือ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน การจราจรติดขัด แต่น้อยกว่าการสูญเสียที่เกิดจากเหล้า
ผมคิดว่า มันคุ้มค่าเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่า"
- คนเดินทาง -
หน้า ๓๒
ครม.รับมติควบคุมน้ำเมา
รมว.สธ.ดันกฎกระทรวงใน ๔๕ วัน
เนื่องจากน้ำเมากำลังขยายกิจการทำความเสียหายให้กับประเทศชาติมากยิ่งขึ้น
ทั้งการทุ่มโฆษณาผ่านสื่อทุกชนิดและระดมทุนโดยพยายามจะนำกิจการเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อสามารถเพิ่มการผลิต
เพิ่มการขาย เพิ่มคนดื่มได้อีกมากมาย
กฎหมายปี'๓๕ และ '๔๓ กำหนดไว้แน่ชัดว่า ธุรกิจที่จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งสภาทนายความ และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีเอกสารยืนยันว่า ไม่เป็นประโยชน์ทั้งสองอย่าง
ตลอดเวลา ที่มีการคัดค้าน
ก.ล.ต.พยายามจะแอบนำเรื่อง "น้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์" มาพิจารณาอนุมัติหลายครั้ง
โชคดีที่เรารู้ ล่วงหน้าทุกครั้ง ได้เตรียมการชุมนุมไว้พร้อม ก.ล.ต.ก็เลื่อนการพิจารณาทุกครั้ง
ครั้งที่แล้ว ก.ล.ต.จะพิจารณา เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ เราเตรียมชุมนุมที่บริเวณหน้า
ก.ล.ต นี้ ก.ล.ต.รีบออก "ข่าว ก.ล.ต." ว่าจะเลื่อนการพิจารณาออกไป
จนกว่าจะมีการออกกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข เรียบร้อยแล้ว
คณะผู้คัดค้านมีหนังสือขอให้
ก.ล.ต. ยืนยันเป็นมติ ซึ่งมีผลทางกฎหมายมากกว่า"ข่าว ก.ล.ต." ปรากฏว่า
ก.ล.ต.ก็ไม่ยืนยันสักที ปล่อยให้เวลาผ่านมากว่า ๑ เดือน ต่อมาเราทราบว่า
ก.ล.ต. จะแอบเอาเรื่องน้ำเมาเข้าพิจารณาอนุมัติ เมื่อ ๑๖ มกราคมที่ผ่านมา
เราไม่ทราบจะหันไปพึ่งใคร เพราะได้ติดต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาหมดแล้ว
จึงมีความจำเป็นต้องชุมนุมที่นี้ในวันนั้น
การชุมนุมก่อให้เกิดความยุ่งยากอย่างมากแก่สถานทูตสหรัฐฯ, สำนักตำรวจแห่งชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก.ล.ต. ต้นเหตุ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ก.ล.ต.จึงมีเอกสารยืนยันมติตามที่ขอร้องไปแล้วเดือนเศษ
ซึ่งจะแอบนำเรื่องเข้าพิจารณาอีกไม่ได้ต่อไปแล้ว จนกว่าจะออกกฎหมายสาธารณสุข(ซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า
๒ ปี)
รัฐบาลคงเกรงว่า จะเกิดความวุ่นวาย อันเนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(นายพินิจ
จารุสมบัติ) จึงเดินทางมาพบผู้แทนผู้คัดค้านเมื่อค่ำวันที่ ๒๒ ม.ค. หาทางออกอีกวิธีหนึ่งคือการออกกฎกระทรวงควบคุมน้ำเมา
เช่น ห้ามโฆษณาเบียร์เหล้าผ่านสื่อทุกชนิด ทุกรูปแบบตลอด ๒๔ ชั่วโมง เป็นต้น
โดยเสนอมาตรการควบคุมการดื่มน้ำเมาเข้าสู่ การประชุม ค.ร.ม. วันนี้(๒๔ ม.ค.)
ค.ร.ม. ได้อนุมัติหลักการ พร้อมมอบให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
ไปกำหนดแนวทางที่เหมาะสม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือเป็นหลักฐานยืนยันกับคณะเราว่า
จะดำเนินการออกกฎกระทรวงภายใน ๔๕ วันนับจากวันนี้
ผู้แทนคณะผู้คัดค้านได้ประชุมกัน มีความเห็นว่า ตลอดเวลา ๘ คืน ๙ วันที่เรามาปักหลักชุมนุมพักค้างอยู่ที่นี่ได้ผลอย่างเห็นเด่นชัดว่าสังคมได้ประโยชน์ดังนี้คือ
๑. ก.ล.ต. จะแอบนำเรื่อง "น้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์" เข้าประชุมอีกไม่ได้
จนกว่าจะมีการออกกฎหมายกระทรวง สาธารณสุข เสียก่อน (นับแต่นี้ต่อไปอีก ๒
ปีเป็นอย่างน้อย) เราไม่ต้องคอยระแวดระวังว่า ก.ล.ต.จะแอบพิจารณาเหมือนที่แล้วๆมา
๒. ภายใน ๔๕ วันนับแต่นี้จะมีกฎกระทรวงออกมาควบคุมการขาย, การดื่มน้ำเมาอย่างเคร่งครัด
ซึ่งสามารถหยุดยั้งการขยายกิจการน้ำเมาอย่างได้ผลยิ่ง
ได้ผลมากกว่าที่เราต้องการหลายเท่า
คณะกรรมการคัดค้านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า (นับจากวันนี้ไปประมาณ ๔๕ วัน)
กระทรวงสาธารณสุขจะต้องออกกฎกระทรวงควบคุมการขาย การดื่ม การโฆษณาน้ำเมาและ
ก.ล.ต. ต้องทำตามกฎหมายไม่เอาน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ หากไม่เป็นไปตามนี้
เราจะชุมนุมเป็นครั้งสุดท้าย พบกันที่นี่วันจันทร์ที่ ๑๓ มีนาคม ครับ
คณะกรรมการคัดค้านขอขอบพระคุณสมาชิกกองทัพธรรมของทุกศาสนาทุกคน ที่คัดค้านมาครบ
๑ ปี กับ ๑ วัน จนถึงวันนี้และช่วยกันคัดค้านต่อๆไปจนกว่าเราจะประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ขอยุติการชุมนุมมหากุศล ณ บัดนี้
- คณะผู้คัดค้านเบียร์-เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ -
หน้า ๓๔
สธ.เตรียมออกกฎหมาย
ห้ามสื่อโฆษณาเหล้าทุกชนิด ๒๔ ชั่วโมง
คณะกรรมการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เตรียมบังคับใช้กฎหมาย ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในสื่อทุกแขนงตลอด
๒๔ ชั่วโมง ตั้งคณะอนุกรรมการปรับแก้บูรณาการ กฎหมายโฆษณา ๓ ฉบับ เป็นกฎกระทรวง
คาดอีก ๓๐-๔๕ วันประกาศใช้ ผลวิจัยล่าสุดพบว่าประเทศที่มีการห้ามโฆษณาเหล้า
สามารถลด นักดื่มลง ๑๖% ลดอุบัติเหตุได้ ๒๓%
เช้าวันนี้ (๑๖ มกราคม ๒๕๔๙)
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม. นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุข เปิดการประชุม คณะกรรมการ ควบคุมการบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ(คบอช.)
เพื่อพิจารณามาตรการควบคุม การบริโภคเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และร่างพระราชบัญญัติ
ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในการประชุมวันนี้ คณะกรรมการควบคุมการบริโภค
เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้เตรียมวางมาตรการ ควบคุมการบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปี
๒๕๔๙ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นายพินิจกล่าวว่า มาตรการระยะสั้นมี
๒ แนวทาง คือการเตรียมออกกฎหมาย ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสม ของ แอลกอฮอล์
ทางวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อต่างๆอย่างสิ้นเชิง หรือแนวทางที่ ๒ อาจใช้วิธีจำกัดการโฆษณาเพิ่มเติม
โดยลดเวลาอนุญาตให้โฆษณาเหล้า ทางวิทยุ โทรทัศน์จากเดิม ตั้งแต่ ๒๒.๐๐-๐๕.๐๐
น. รวม ๗ ชั่วโมง แต่เวลาโฆษณาใหม่นี้จะลดเหลือเพียง ๓ ชม. ตั้งแต่ ๐๒.๐๐-๐๕.๐๐
น. และจะมีการตัดข้อความโฆษณาแอบแฝงที่บริษัทสุรามักใช้เลี่ยงนำมาโฆษณาใหม่แฝงในลักษณะต่างๆ
ซึ่งมาตรการนี้ จะช่วยลดการดื่มสุราลงได้อีกทางหนึ่ง
โดยที่ประชุมเลือกแนวทางที่
๑ คือ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ผ่านสื่อทุกรูปแบบตลอด ๒๔
ชั่วโมง และจะแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการดำเนินการจัดทำรายละเอียด ๑ ชุด ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น สำนักงานกฤษฎีกา ฝ่ายกฎหมาย ให้พิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาแอลกอฮอล์
๓ ฉบับ ทั้งประกาศของสำนักงาน คณะกรรมการ อาหารและยา (อย.) กฎกระทรวงของ
สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) และประกาศของ กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อจัดทำเป็นกฎกระทรวง
หรือเป็นคำสั่ง เสนอเข้าที่ประชุม คบอช. โดยเร็วที่สุด ไม่ต้องผ่านที่ประชุม
คณะรัฐมนตรี คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน ๓๐-๔๕ วัน และในการประชุม ครั้งต่อไป
จะเชิญตัวแทน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไข เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
และใช้มติ เป็นเสียงส่วนใหญ่ เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับในกฎกติกา เพราะผลกระทบ
จากแอลกอฮอล์ เป็นพิษต่อสังคม ต้อง ช่วยกันทำลาย
เนื่องจากมีการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่า
การห้ามโฆษณาเหล้ามีผลต่อนักดื่มหน้าใหม่ โดยปริมาณการดื่ม แอลกอฮอล์ ในกลุ่มประเทศที่มีการห้ามโฆษณา
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่มีการห้าม หรือจำกัดการโฆษณาถึง
๑๖ % และที่สำคัญคือ อัตราการตาย จากอุบัติเหตุจราจร ในกลุ่มประเทศ ที่มีการห้ามการโฆษณา
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่ำกว่าประเทศที่ไม่มีการห้าม หรือจำกัดการโฆษณาถึง
๒๓ %
นายพินิจกล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการระยะยาว
จะผลักดันพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้ยังเป็น ร่างกฎหมายอยู่
มีสาระสำคัญ ทั้งเรื่องการควบคุม ผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
การออกใบอนุญาตขาย และการจำกัดพื้นที่ในการดื่มเครื่องดื่ม จะไม่ให้ออกใบอนุญาต
ขายและดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่ ๑๐ ประเภท ได้แก่ วัด และศาสนสถาน สถานพยาบาล
ร้านขายยา สโมสรเยาวชน สถานศึกษา ยานพาหนะขนส่งมวลชน ปั๊มน้ำมัน ร้านค้าที่เปิดบริการทั้งวัน
หรือเกินกว่า ๑๖ ชั่วโมง สวนสาธารณะและทางสาธารณะ โดยเฉพาะห้ามขายในหอพัก
และห้ามดื่มในขณะขับขี่ยานพาหนะทุกชนิด
นอกจากนี้ ยังห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบเอ็ดปี ซึ่งเดิมห้ามขายเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘
ปี หรือผู้ที่ ยังอยู่ในอาการมึนเมา จนแสดงพฤติกรรมวุ่นวาย ห้ามขายเหล้าเบียร์โดยเครื่องอัตโนมัติ
การเร่ขาย การแจกแถม หรือ แจกจ่ายรางวัล การควบคุมการโฆษณาทางสื่อต่างๆทั้งนี้
คาดว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะแล้วเสร็จ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ และใช้เวลา
ในการทำประชาพิจารณ์กับประชาชน และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วประเทศ อีกประมาณ
๒ เดือน ก่อนนำเสนอ คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฎีกา รัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป นายพินิจกล่าว
นายพินิจกล่าวต่ออีกว่า
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดโรคต่างๆมากกว่า ๖๐ กลุ่มโรค และเป็นสาเหตุการบาดเจ็บ
การเจ็บป่วย การตาย และพิการมากมากเป็นอันดับ ๒ รองจากโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุจราจรมีมูลค่าสูงถึงปีละหนึ่งแสนล้านบาท
รวมทั้งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ ประมาณ ๕ แสนล้านบาท
ผลสำรวจล่าสุดพบว่า คนไทยมีแนวโน้มการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปี
๒๕๔๖ เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๓๒ เกือบ ๓ เท่าตัว เฉลี่ย ดื่มคนละ ๕๘ ลิตรต่อปี
ขณะที่ในปี ๒๕๓๒ ดื่มเฉลี่ยคนละ ๒๐.๒ ลิตรต่อปี จนทำให้สถิติการดื่มของคนไทยสูงเป็นอันดับ
๕ ของโลก และที่น่าเป็นห่วง มากที่สุดคือ การดื่มของกลุ่มวัยรุ่นชายวัย ๑๑-๑๙
ปี พบว่าดื่มประมาณ ๑.๐๖ ล้านคน หรือประมาณ ๒๑ % ของประชากร ในกลุ่มอายุนี้
ส่วนวัยรุ่นหญิงวัย ๑๕-๑๙ ปีดื่มเพิ่มขึ้นเกือบ ๖ เท่า
ทั้งนี้ในการดำเนินการควบคุมลดปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จะมีการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการควบคุม ลด และเลิกการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เนื่องจากขณะนี้งบประมาณในการดำเนินการไม่เพียงพอ และเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น
เช่น อาจใช้ ๒ % ของภาษีสรรพสามิตสุรา หรือใช้ ๕-๑๐ % ของงบประมาณสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ
หรือ สสส. นายพินิจกล่าว
(จากข่าวเพื่อสื่อมวลชน
สำนักงานสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข มกราคม ๔/๑-๒ ๑๖ ม.ค.'๔๙)
หน้า ๓๗
วันรวมพล คนรักแผ่นดิน
หยุด ! เหล้า เข้าตลาดฯ ชาติเจริญ
ในราตรีของวันอาทิตย์ที่
๑๕ มกราคม '๔๙ ลมหนาวหอบหิ้วข่าวมาแว่วผ่านหู
"เราต้องไปคัดค้านเบียร์-เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์กันพรุ่งนี้นะ"
เป็นถ้อยคำที่ไม่ใคร่ปรารถนาเอาซะเลยสำหรับสัมมาสิกขา เสมือนมรสุมโถมกระหน่ำเข้ามาอย่างจังโดยไม่ทันตั้งตัว
"หา!พรุ่งนี้เหรอ นั่นมันเป็นวันหยุดเรานะ"
"แล้วใครจะรับผิดชอบเนี่ย มีชดเชยรึเปล่า"
ข้อความหลากหลายประโยคแหวกว่ายหาคำตอบอยู่กลางหัวใจ
เมื่อฟ้าลิขิต ให้เราต้องมาพบกันที่สวนลุมพินี
เหล่าข้าน้อยก็ต้องยอมปฏิบัติตามโดยปราศจากข้อแม้ เรามาพร้อมเพรียงกัน ณ
สวนลุมพินี เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. จากนั้นเคลื่อนขบวนทัพมาเป็นคลื่นพลังมวลชนร่วม
๗,๐๐๐ คน กล่าวคือมีสมาชิก กองทัพธรรม ของทุกๆศาสนา ไม่ว่าจะเป็น พุทธ คริสต์
อิสลาม ฮินดู ซิกส์ มายังหน้าก.ล.ต.(คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์)
ท่ามกลาง เสียงโห่ร้อง และริ้วชายแห่งความงดงาม จับใจของแถบ ธงแดงขาวน้ำเงิน
ที่กำลังโบกพลิ้วปลิวไสว อยู่อย่างอิสระเสรี อันเป็นเครื่องหมาย แสดงเจตนารมณ์
ประกาศก้องว่า "ไทยจะเป็นไท ไม่เป็นทาสใคร และจะไม่ยอมให้ช้างพยศกระหายเงิน
ซึ่งเป็นเครื่องมือ ของอำนาจทุนนิยม มาบดขยี้ เหยียบย่ำ ชาติไทยอันเป็นที่รัก
และหวงแหนเหนือสิ่งอื่นใดเป็นอันขาด"
"คนมาเยอะขนาดนี้ เขาคงไม่เมินเฉย
ดันทุรังเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯอีกหรอกเนาะ"
ความหวังที่พวยพุ่ง ออกมาอย่างแรงกล้าดุจสายน้ำเชี่ยวกราก ด้วยกำลังใจอันประเมินค่ามิได้
ที่หลั่งไหลมาจากผู้คนที่ชุมนุมกันอยู่มากมาย...ตราบใดไทยไม่สิ้นคนดี มีรึจะสิ้นชาติ!
ฉันมั่นใจอย่างนั้น
ลุกๆ นั่งๆ เย้วๆ ผลาญพลังงานไปตามประสาวัยรุ่นไฟแรง จนเวลาล่วงเลยไปกว่า
๖ ชั่วโมง เพื่อรอคอยนาทีแห่งความตื่นเต้น ระทึกใจ อันจะนำมาซึ่งความชื่นมื่นยินดีไปทั่วหล้า
หรือจะสลดหดหู่ ร้อนระอุดุจถ่านแดงโดนเถ้ากลบแผ่ซ่านไปทั่วอาณา ประชาราษฎร์
ก็มิอาจจะทราบเกล้า..........
เสียงพิธีกรภาคเวทีร้องป่าวประกาศให้ฉงนสนเท่ห์ใจยิ่งนัก
"เราชนะแล้ว เขาเอาไประดมทุนที่สิงคโปร์แล้ว และนาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ก็ลาออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย เอ้า!พวกเรากลับบ้านได้" สิ้นเสียงพิธีกรหนุ่มมาดเข้ม
ความโกลาหลก็เกิดขึ้นกลางฝูงชนที่กำลังพยายามกระเสือกกระสนจะก้าว...ร้อยก้าว
พันก้าว หมื่นก้าว ที่เบียดเสียดและมีเป้าหมายไปกันคนละทิศละทาง ช่างสุดแสนจะวุ่นวาย
ขณะนั้นเอง ฉันซึ่งกำลังงงเป็นไก่ตาแตก
ตกตะลึงอารมณ์ค้างในท่าทางไม่สมประดี พลันก็มีสิ่งหนึ่งแล่นขึ้นมา ปลายประสาท
การรับรู้ "เอ!ใช่เหรอ เขาประกาศผิดรึเปล่า ก็ไหนว่าเป็นศึกครั้งทุบหม้อข้าวหม้อแกงให้เห็นดำเห็นแดงกันไงล่ะ(ครั้งสุดท้ายที่สำคัญ
เป็นจุดแตกหัก) ไฉนจึงชนะอะไรง่ายดายขนาดนี้" "ไม่หรอกมั้ง ไยมารฤาจะปล่อยให้เงิน
๕๐,๐๐๐ ล้านหลุดลอยไปเล่า เพียงแค่เพราะคนไม่กี่พันคนอย่างพวกเราน่ะเหรอ....ไม่ใช่วิสัยกระมัง..."
ลางสังหรณ์ผนวกเข้ากับความไม่ชอบมาพากล
รวมถึงสีหน้าคุณลุงจำลองที่วิ่งกระโจนขึ้นเวทีอย่างตื่นตระหนก เป็นเหตุผล
สอดร้อยมาลาให้ฉันรู้ในทันทีเลยว่า......"เขาโกหกเราอีกแล้วครับ เราบอกแล้วไงว่าใครจะลาออก
หรือจะเอาไป ระดมทุนที่ไหน เราไม่เกี่ยว ขออย่างเดียวคือ ขอให้ก.ล.ต. ทำตามกฎหมายปี'๓๕
และปี'๔๓ ว่าด้วยการไม่นำธุรกิจ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจและสังคม
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์"
แม้กระนั้นลุงก็มิอาจรั้งฝีเท้าคนจำนวนมากไว้ได้
เพราะบ้างก็ไม่รู้ บ้างก็หลงกลลวงของฝ่ายตรงข้าม ที่แอบแฝง มาบอก ให้พวกเรากลับ
และไข้วเขว เพื่อสลายการชุมนุม และบ้างก็พอใจกับผลเพียงแค่นั้น "ผมจะนอนที่นี่
นอนมันบนถนนนี่แหละ ยังไงก็ต้อง ให้รู้ดำรู้แดงให้ได้ ถ้าขืนให้เรามาคอยระแวดระวังว่าคุณจะเอาเข้าเมื่อไหร่อีก
เราก็เหนื่อยตายน่ะสิ ไม่เป็นทำอะไรกันเลย" ลุงวัย ๗๐ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
สีหน้าเจือความวิตกเล็กน้อย ทว่าเป็นเสียงที่ทรงอานุภาพฉุดรั้งใจชาวอโศกไว้ได้อยู่หมัด
นึกไม่ถึงเลย อย่างนี้ต้องมอบเหรียญนักรบผู้หาญกล้า ไร้เทียมทาน ให้ซะแล้ว
สถานการณ์เริ่มคับขัน ถนนวิทยุปลอดคน
ต่างกับเมื่อชั่วโมงที่แล้วโดยสิ้นเชิง หากสมรภูมิร้างนักรบ แล้วชัยชนะ จะแสวงหา
จากหนใด "ไม่ได้ๆ เราต้องอยู่เป็นเพื่อนลุง นอนก็นอน ใครไม่เอา เราเอาเอง"
เลือดนักสู้ของพ่อถูกสูบฉีดขึ้นมาเมื่อใดฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือ หากหนุ่มสาวไม่สู้เพื่อตนเอง
ก็คงต้องอายคนแก่ที่สู้เพื่อเรามาโดยตลอด
บรรยากาศบนทางเท้าหน้าก.ล.ต.ดูวังเวงยังไงชอบกล
เสียงยุงตัวโตๆกระพือปีกแข่งกันบินล่าเหยื่ออันโอชะชวนให้หลับตา ไม่ลงตลอดคืน
แต่ก็ยังอุ่นใจพอได้ข่มตาหลับบ้าง เพราะมีผู้ใหญ่นอนขนาบข้าง โดยเฉพาะลุงจำลองซึ่งอดีตเป็นถึงผู้ว่าฯ
กทม. รางวัลแมกไซไซคนแรกและคนเดียวของไทย อดีตรองนายก อนิจจา! กลับต้องมานั่งพัดวีให้เด็กน้อยตาดำๆ
และนอนข้างถนนเยี่ยงหมูหมา
ไม่ใช่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอกนะ
หากแต่เป็นเพราะทนนิ่งดูดายกับการกระทำ อันเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ของคน กลุ่มหนึ่งไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบ อย่างมากมายมหาศาล แก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
จึงออกมาต่อสู้เพื่อลูกหลาน ยืนกราน แทนเสียงประชาชนกว่าแสน ที่เคยร่วมลงนามเสนอร่างกฎหมาย
ห้ามธุรกิจน้ำเมา เข้าตลาดหลักทรัพย์ ทว่าไม่เป็นผล แต่อย่างใด รวมทั้งนายทัพนายกอง
นายตำรวจ ซึ่งคอยรักษาความปลอดภัย ให้ตลอดรัตติกาลนั้น ทำให้เด็กข้างถนนวันแรกอย่างเรา
วางใจนอนหลับได้ โดยไม่หวาดระแวงอะไรมากนัก
แม้จะนอนข้างถนน แต่ก็ต้องขอยืนยันว่า
เป็นการนอนข้างถนนที่ไม่ว้าเหว่เหมือนเด็กพเนจรแต่อย่างใด ซ้ำยังอบอุ่น มากด้วย
(ไม่ใช่เพราะพื้นถนน ร้อนระอุขึ้นมานะ) หากสิ่งที่ทำให้อบอ้าว จนควันออกหูก็เห็นจะเป็น
"ไอ้หมาข้างถนน ไม่มีที่จะนอน กันรึยังไง?" จากปาก คนระแวกนั้นนี่สิ
มันช่างเจ็บใจนัก............
# # # ประมวลเหตุการณ์ในช่วง
"ปฏิบัติการหยั่งพระธรรมกลางใจเมือง" (๑๖-๒๔ ม.ค.'๔๙)
-"เขาไปกันหมดแล้ว
จะอยู่หาพระแสงอะไรกันอีก"
-"ไหนบอกไม่กินเหล้า ไยต้องมาเดือดร้อนด้วยล่ะ" (เนื้อไม่ได้กิน
หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ แต่เราก็เต็มใจ หนักคอวันนี้ เพื่อลูกหลานวันหน้า
ไม่หนักเหนื่อย)
-บริษัทไทยเบฟเวอเรสมีบริษัทในเครือถึง ๔๗ บริษัท จำแนกเป็นโรงเหล้า ๑๘ โรง
การตลาด ๑๔ บริษัท การขาย ๕ บริษัท และกิจการ ต่อเนื่อง ๑๐ บริษัท นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศอีก
๑๐๙ แห่ง
-เจ้าของบริษัทน้ำเมา รวยมากถึงขนาดที่ว่า จำสมบัติของตนเองไม่ได้ ซื้อที่ดินซึ่งตนเคยซื้อเป็นของตนแล้วอีกครั้ง
ด้วยความลืม (ใช่น่ะสิ ....ใครจะจำไหวล่ะ)
-รถเปิดกระจกอวยพรให้เราว่า "บ้า" (บ้าก็บ้าสิวะ บ้าดีนี่น่ากลัวอะไร
ไม่ได้บ้าเงินซักหน่อย)
-"หมาข้างถนน" (ที่กอบกู้ขวานทองคืนมา)
-"มหาเตะช้างเข้าปากแม้ว" (ผิดถนัด มหาแล่เนื้อช้างแจกจ่ายคน ๖๓
ล้าน ต่างหาก)
-นักเรียนสัมมาสิกขาตามแม่ไปเบิกเงินธนาคารกสิกรไทยหลังที่ชุมนุม โดนกันตัวห้ามเข้า
จ๋อย!เลย (สงสัยกลัวชุดม่อห้อม ศักดิ์สิทธิ์ของเรา)
-นักเรียนสัมมาสิกขาเดินเล่นในสวนลุมพินี โดนอัดคำถามประชิดตัว "....แต่งตัวอย่างนี้
เขาจ้างมาใช่มั้ย? ได้ค่าตัว เท่าไหร่ล่ะ? แล้วไม่เรียนหนังสือกันเหรอ?...."
-เจ้าของรถคันโก้หรู ลงมากระหน่ำด่าตาแก่ข้างถนน ซึ่งหวังเป็นพลเมืองดีช่วยจราจรโบกรถ
หลังปิดถนนไป ๔ เลน
-DMC นำโดยคุณกำพล นุ่มนวล ร่วมตีแผ่ความจริงไปทั่วโลกด้วยจานดาวแท้ ๓ ดวง
ครอบคลุมทั้งทวีปยุโรป อเมริกา และแอฟริกา (สื่อไทยโดนปิดปากเงียบ ไม่มีใครมาเหลียวแล
ก็ไม่เป็นไร เราประกาศก้องไปทั่วโลกให้ได้ประจักษ์)
-ฝ่ายค้านเผยเข้าข้างรัฐบาล "ดันธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นให้จงได้"
(ทีเรื่องอื่นทำเป็นตาสับปะรด เสาะหารูรั่ว ค้านรัฐบาลให้ได้ ทีเรื่องง่ายๆกลับหลับตานอนขี้เซา"
-ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พลังมวลชนเท่านั้นที่จะทานอำนาจผู้มีอิทธิพลของประเทศได้
-ศุกร์ที่ ๒๐ ผู้ชุมนุมร่วมสรวลเสเา พร้อมรับฟังคำโต้ตอบครั้งแรกของ ก.ล.ต.
หลังยื่นข้อเสนอไปหลายครั้ง ผลคือก.ล.ต.ขอชะลอการนำบริษัทน้ำเมาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกไปก่อน
จนกว่ากฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะออกมา
-แต่เมื่อไม่ตอบมาให้ชัดเจนว่า "บริษัทน้ำเมาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้
เนื่องจากธุรกิจหลักไม่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม" ดังนั้นเราก็ต้องยืนหยัดยืนยันกันต่อไป
-อภิปรายกระชากอารมณ์สุดเหวี่ยง น้ำตาหยดติ๋ง "จูเลียส ซีซาร์ แม่ทัพหนุ่มโรมันฉีกกฎหมายกรุงโรม
โถมข้ามฝั่งลูบิคอนหลังทินกรล่วงหล่นฉันใด ก.ล.ต.ร่างกฎหมายด้วยมือ แต่กลับลบมันด้วยเท้า
เพียงแค่เพราะอำนาจเงิน ฉันนั้น" ช่างทำร้ายใจคนไทยเหลือเกิน
-น้องอ่องเด็กน้อยวัย ๕ ขวบ ถอดใจ รำคาญผู้ใหญ่ "ทำไมไม่จบเสียที?"
-คุณเด็ดดวง เจ้าของสถิติร้องเพลงตลอด ๒๔ ชั่วโมงลง ginnest book ให้เกียรติมาร้องเพลง
"ลูกขี้เมา" ซาบซึ้งสุดขีด จนมะมุสลิม ผู้เป็นแม่ที่มีลูก ขี้เมากระโจนขึ้นไปสะอื้นไห้บนเวที
ด้วยอดสะเทือนใจไม่ไหว "หยิบเหล้าริน เหมือนกิน น้ำตาแม่ ต่อแต่นี้
แม่ไม่มีลูกขี้เมา หากลูกเก็บน้ำตาแม่ คงได้เต็มขวดเหล้า ถ้าลูกไม่เมา แม่คงไม่ต้องร้องไห้"
-วงดนตรีนานาชาติอิสลาม "เบบี้ อารเบีย" บุกเวทีเล่นเอา "ฆราวาส"
วง back up ของเราสู้หน้าไม่ติดเลย
-๒๒ ม.ค.'๔๙ พลังมดกระตุกหางช้าง ก.ล.ต.สะดุ้ง รมช.สธ.มาเจรจากับผู้ชุมนุม
-๒๔ ม.ค.'๔๙ ครม.พร้อมด้วยแกนนำผู้ชุมนุมร่วมประชุมวิสามัญ ว่าด้วยข้อตกลงในการนำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาด
หลักทรัพย์ เป็นเวลานานกว่า ๕ ชั่วโมง ผลคือญัตติสุดท้าย รมช.สธ. จะออกกฎกระทรวงควบคุมการขาย
การดื่ม การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใน ๔๕ วันนับจากวันนี้ และก.ล.ต.ต้องยุติไปก่อน
จนกว่ากฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะออก ซึ่งก็กินเวลานานอย่างน้อย
๒ ปี
-การชุมนุมยุติ ร่วมกันเก็บของกลับบ้านในวันที่ ๒๔ ม.ค. หลังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปแถลงการณ์บนเวที
ดังที่กล่าวไปแล้ว ข้างต้น
-ผลที่คาดหวังในมิติลึก คือการได้นำเอาวัฒนธรรม คุณธรรมอันดีงามไปผุดคลอดอยู่กลางใจเมือง
-"อีกฟากหนึ่งของถนน" เป็นชื่อเรื่องงานเขียนของนักเขียนผู้หนึ่ง
ที่สนใจวิถีชีวิตชาวกองทัพธรรม เขาจะเอาไปเขียน
-๑๐ ปีที่ผ่านมาการคัดค้านหน้าตึกดีทแฮมเกิดขึ้นเป็นประจำ และเป็นเรื่องปกติที่หัวหน้ายามตึก
ต้องจ้างคน มาทำความสะอาด หน้าตึก หลังการชุมนุมยุติลงทุกครั้ง มีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้อง
เขาทึ่งมากในความเป็นสมาชิกกองทัพธรรม หัวหน้ายามกล่าว
-ประสิทธิภาพของคน ที่ได้กล่อมเกลากิเลสมา เป็นคุณค่าที่ไม่มีใครเทียม เพราะเป็นหลักสูตรของพระพุทธเจ้า
-"อยู่ดีไม่ว่าดี หาเวทีให้เราแสดง" ตอนแรกนึกว่าเป็นตัวแสดงประกอบกลับเป็นตัวแสดงจริงเสียนี่
๘ คืน ๙ วัน บนถนนวิทยุที่เราได้อยู่ร่วมกันด้วยความบังเอิญ
ด้วยปัจจัยที่กำหนดให้มันเป็นไป คือประสบการณ์อันล้ำค่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
แม้เงินร้อยล้านพันล้านก็ซื้อไม่ได้
ความสามัคคี คือพลัง มีความขัดแย้งอันพอเหมาะ
๒๘ ม.ค.'๔๙
- ลาติดปีก -
หน้า ๔๓
หลักการดูหนังดูละคร
ที่พุทธสถานสันติอโศก
ชื่อเรื่อง หนังละครที่สอนเรา
(อยู่กับก๋ง)
ชื่อผู้ดู ใจแก้ว อโศกตระกูล
# # # ๑. เกิดอาริยญาณ(เห็นทุกข์)
- เห็นทุกข์อะไรบ้างจากหนังเรื่องนี้
* เห็นทุกข์การมีครอบครัว การมีลูกและการทำมาหากิน เห็นทุกข์ในการต้องจากบ้านเกิดที่เราเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก
จากพ่อจากแม่ พรากจากสิ่งที่รักและสิ่งที่เคยสมใจ
- แล้วสาเหตุของทุกข์นั้นมาจากอะไร
* เช่นในหนัง ครอบครัวของปลัด วันแต่งงานพูดว่า "ผมรักคุณคนเดียวตลอดชีวิตนี้"
แต่แล้วอยู่มาไม่นาน ไปแอบมีเมีย และลูกใหม่ ความทุกข์และความเจ็บปวดของผู้หญิง
อะไรจะเท่ากับคนรักนอกใจเรา
# # # ๒. ทำการปฏิบัติ(สู้กับผัสสะ)
- ดูฉากรัก, ริษยา, รุนแรง, เศร้า ฯลฯ มีวิธีทำจิตทำใจพิจารณาสู้กับกิเลสนั้นๆอย่างไร
* ฉากเศร้าของครอบครัวปลัด ที่ทะเลาะกันต่อหน้าลูกชาย ทำให้ลูกชายของปลัดนอนกลางคืนร้องไห้คนเดียว
เมียปลัด แอบมาดูลูก ร้องไห้ ก็ออกมาร้องไห้ คนเดียวเหมือนกัน ฉากนี้ทำให้จิต
มีความเกิดสงสารลูกของตัวเอง เขาคงร้องไห้อย่างนี้ ดูหนังก็ย้อนอดีตตัวเองไปด้วย
แล้วได้แก้จิตของเราว่า เรื่องของอดีตก็ผ่านไปแล้ว เดี๋ยวนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นหมดแล้ว
เปลี่ยนจิตได้ ขณะดูหนัง
# # # ๓. อัดพลังกุศล(ซาบซึ้งในคุณความดี)
- ประทับใจความดีหรือแง่คิดดีๆอะไรบ้าง
* ประทับใจอาก๋งมาก เพราะว่ามีคุณธรรมอยู่ในตัวอาก๋ง คำพูดทุกคำเป็นธรรมะตลอด
ใครมาปรึกษากับอาก๋งทุกครั้ง ประทับใจอาก๋งอีกอย่างคือ การประหยัดมักน้อยสันโดษจริงๆ
เจียมเนื้อเจียมตัวมาก เป็นผู้ใหญ่ที่น่าศรัทธามาก
ประทับใจครอบครัวอาเกียว มีความกตัญญูกับม่าม้าของเขามาก ทั้งๆที่ม่าม้าของอาเกียวดุแบบคนจีน
ลีลาแรงๆอยู่เสมอ
- มีสำนวนดีๆ หรือคำคมอะไรไว้จดจำ
* มีคำคมของอาหยกพูดกับอาก๋ง "หยกโตขึ้นถ้าหากดีครึ่งหนึ่งของก๋งก็พอแล้ว
อาก๋งตอบว่า โตขึ้นหยกต้องดีกว่าอาก๋ง ไม่ใช่เท่า อาก๋ง"
"สิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่ของจริงเสมอไป"
"ปากคนร้ายยิ่งกว่าด้ามปืน"
คำคม อดีตที่มันเจ็บปวด ก็ไม่ต้องไปจำ
# # # ๔. ฝึกฝนโลกวิทู เพิ่มพหูสูต(รู้เท่าทันโลกกว้าง)
- ได้เรียนรู้โลกรู้สังคมตรงไหนบ้าง
* หนังเรื่องนี้ดูแล้ว "ความดีมีคุณธรรม" แบบอาก๋ง ก็ยังหาได้จิตใจของคนมากมายทีเดียว
เป็นคนที่เป็นที่รักของคน ในหมู่บ้าน ในสังคม เพราะตัวเสียสละและมีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น
เป็นที่ปรึกษาของคนที่มีความทุกข์ ซึ่งคนประทับใจยิ่งกว่า วัตถุภายนอก เช่น
เงินทอง ใช้หมดก็จบ แต่ถ้าช่วยแก้เรื่องของจิตใจนั้น พอประทับใจแล้วไม่รู้ลืมเลย
หน้า๗๖
เรียงวลีกวีธรรม
โลกธรรม
ฝน พรำพรมพร่างพื้น ปฐพี
ตก ไล่ล้างธุลี ล่องฟ้า
ไม่ อาจลบราคี ฝ้าฝุ่น หมดเอย
ทั่ว ประเทศหย่อมหญ้า เปียกแห้ง ตามดวง
จง ห่วงตนอย่าได้ ทำผิด
ใดนา
กลัว กฎหมายตามติด จ่อจี้
บาป เวรย่อมมีฤทธิ์ พันผูก ตนแล
กรรม หากเว้นหลบลี้ ย่อมได้ บุญกุศล
พระ มิพ้นต้องศึก- ษาธรรม
เณร ก็มีศีลประจำ สิบข้อ
มัก บวชมักสึกดำ- รงวัด เสมอแล
อ้วน เพราะโยมแกงหม้อ- ใหญ่นั้น นำถวาย
โลก สลายเพราะผู้ แย้งยุทธ
ล้วน โลภ, หลง, โกรธ, จุด หั่นห้ำ
มี แต่มวลมนุษย์ ส่ออยาก ทั่วนอ
ทุกข์ จึ่งจี้ จอดจ้ำ เจ็บร้อน รนกาม
ลูก ทรามอย่าทอดทิ้ง ไกลตา
ผี ส่งให้เกิดมา แม่เลี้ยง
ลูก ผิดพลาดวาสนา กรรมเก่า มีแฮ
คน ป่วยปล่อยให้เดี้ยง ผิดด้วย ศีลธรรม
* ปรีดี อู่ทรัพย์
๑๔ ม.ค. ๒๕๔๙
วันความรัก
เมื่อโลกนี้มีวันแห่งความรัก
สาธุชนพึงตระหนักประจักษ์มั่น
มาฆฤกษ์เดือนสามงามแสงจันทร์
ในวันนั้นพระพุทธองค์ทรงโอวาท
พระองค์ท่านเน้นย้ำอย่าทำชั่ว
สำนึกตัวทำความดีมีคุณค่า
ทำจิตว่างสว่างใสในมรรคา
นี้คือรักเมตตาเอื้ออาทร
จวบมาฆบูชาศรัทธาธรรม
ดอกบัวขาวเลอล้ำเทิดคำสอน
เราชาวพุทธน้อมจิตคิดสังวร
วันพระสอนสัทธรรม....วันความรัก
* ทอง ๑๐๐ %
ครู
ถึงสูงเยี่ยมเทียมฟ้าอย่าดูถูก
ครูเคยปลูกวิชามาแต่หลัง
ศิษย์ไร้ครูอยู่ได้ไม่จีรัง
อย่าโอหังลบหลู่ครูอาจารย์
(ป้ายหน้า ร.ร. บ้านหนองปลาซิว
ต.ภูห่าน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น)
สติ
สติเป็นเรดาห์หาเป้าหมาย
ตามเห็นกายวจีที่หยาบหนา
รู้เท่าทันเสียงสองของวาจา
เฝ้าพินิจพิจารณาอ่านอารมณ์
ตั้งสติกำหนดจิตจดจ่อ
ทำติดต่อทุกขณะฝึกสะสม
พึงน้อมนำธัมมวิจัยใฝ่อบรม
หมั่นเพาะบ่มบุญกุศลท่วมท้นใจ
* แด่ธรรม
ทางชีวิต
ตื่นขึ้นมาวันใหม่ใกล้รุ่งเช้า
อากาศหนาวสะท้านร้าวรานไฉน
เสียงฝนปนเสียงเรไร กล่อมไพรเหมือนใครบรรจง
นกเค้าร้องเย้าหยอกกับหมอกเหมย ผ่านเลยราตรีที่ลุ่มหลง
หลับใหลไปหลายชั่วโมง ยังคงมีวันใหม่ให้ชีวิต
น้ำตกยังไหลไม่หยุดยั้ง
ส่งเสียงดังซัดซ่าฝ่าวิกฤติ
กระแสธารผ่านโตรกผา สู่ชีวิตสดใสในทะเล
หัวใจมนุษย์สุดจะช้ำ เพราะกระทำตามใจเจ้าเล่ห์
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายถ่ายเท หักเหโชกโชนบนหนทาง
ตะวันคล้อยต่ำใกล้ค่ำแล้ว จึงรีบแจวรีบจ้ำอย่าเมินหมาง
หนักนักหักลงปลดปลงวาง ทำใจให้ว่างระหว่างเดิน
วันเวลาผ่านไปได้เรียนรู้ ได้ต่อสู้อุปสรรคดังเขาเขิน
สายธารผ่านขุ่นใสยังไหลเพลิน ไปเจริญในสมุทรสุดงดงาม
ชีวิตหนอชีวิต ถูกหรือผิดสู้กันไปในสนาม
ทุกชีวิตหนีไม่พ้นจากสงคราม พยายามรักษาแผลดูแลใจ
ยามศึกรักสงบจบศึกแค้น เข้าสู่แดนพุทธาฟ้าสดใส
หมดรักโลภโกรธหลงตรงที่ใจ ไม่ว่าใครต่างก็ฝันกันทุกคน
ชีวิตหนอชีวิต จงลิขิตให้เกิดกุศล
ด้วยพากเพียรเพิ่มพูนบุญแห่งตน แต่ละคนรักชีวิตจิตวิญญาณ
ชีวิตหนอชีวิต หากหลงผิดอวิชชาน่าสงสาร
ต้องเวียนวนแหวกว่ายไปอีกนาน ในวัฏฏสงสารกันดารเอย
ชีวิตหนอชีวิต รู้ถูกผิดโปรดอย่านิ่งเฉย
อย่ารอราชรถมาเกย ไม่มีเลยอย่าหวังได้อะไรฟรี
อยากจะพ้นโศกาต้องกล้าหาญ สมาทานศีลสัตย์รีบขัดสี
เข้าสู่หมู่บริษัทมีวัตรดี ร่มโพธิ์ศรีอาริยะจะสุขเย็น
* บันไดพรหม
หน้า ๗๘
จากโลกีย์ถึงโลกุตระ
ชื่อ นางเสาร์แก้ว อาจหาญ
เกิด ๒ ตุลาคม ๒๔๙๗
พี่น้อง ๗ คน เป็นคนที่ ๑
ภูมิลำเนา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
สถานภาพ สมรส สามีชื่อ นายจรินทร์ อาจหาญ
มีบุตร ๒ คน (จบจากโรงเรียนสัมมาสิกขาปฐมอโศก)
การศึกษา ประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นต้น (ป.ก.ศ.ต้น) สถาบันราชภัฏ จังหวัดลำปาง
อาชีพเดิม รับราชการครู
ปี ๒๕๒๘ สามีรู้จักชาวอโศก
ปี ๒๕๓๐ อ่านหนังสือสัจจะชีวิตพระโพธิรักษ์ ประทับใจสมณะและญาติธรรมที่มีวัตรปฏิบัติไม่เหมือนที่อื่น
เช่น ไม่มีอบายมุข ไม่มีการกินนอกมื้อ ฯลฯ จึงเริ่มฝึกกินมังสวิรัติ ๑ มื้อ
แต่เสริมนมและผลไม้บ้าง ทำได้ระยะหนึ่งจึงกิน ๒ มื้อ ไม่จุบจิบมาตลอด
ปี ๒๕๓๕ ลูกเรียนจบ ป.๖ จึงให้มาเข้าโรงเรียนสัมมาสิกขาปฐมอโศก โดยมีสามีลาออกจากราชการครูและเข้าไปอยู่ชุมชนปฐมอโศกกับลูกก่อน
ปี ๒๕๓๗ ลาออกจากราชการครู และไปอยู่ที่ชุมชนปฐมอโศก
ปี ๒๕๓๙ อยู่เป็นครอบครัวปฏิบัติศีล ๘ เป็นต้นมา
เมื่อมาอยู่กับชาวอโศก ปี ๒๕๓๗ ช่วยงานฐานตัดเย็บ ต่อมาย้ายไปช่วยงานร้านค้าชุมชน
โดยทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์ รวมทั้ง ซื้อของ จัดของ และทำทุกอย่างที่เป็นงานในร้าน
ปลายปี ๒๕๔๔ ย้ายไปช่วยทำยาสมุนไพรที่ศูนย์เจาะวิจัยสมุนไพรของชุมชน จนถึงปัจจุบัน
# ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน
มีปัญหาด้านสุขภาพและงานมากตัดรอบลำบาก ปล่อยวางใจไม่เก่ง
# แนวทางแก้ไข พยายามปรับปรุงตนเอง ประมาณการพัก การเพียรให้ยิ่งขึ้น
# ข้อปฏิบัติที่คิดว่ายากที่สุด ติดรสอาหารและเสียงเพลง (เพลงที่มีสาระน้อยมากๆๆ)
# คติประจำใจ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและทำในสิ่งที่ตนทำได้ให้ดีที่สุด
# เป้าหมายชีวิต เพียรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
# ข้อคิดข้อฝากให้หมู่กลุ่ม พึ่งตนเองจนเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ชาวอโศกมีวัฒนธรรมในการกินอยู่หลับนอนที่เรียบง่าย
และ เตรียมพร้อม จึงอยากฝากชาวอโศกทุกท่านช่วยรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามสืบไปให้ยาวนาน
หน้า ๗๙
ใต้ร่มอโศกของท่านจันทร์
"ท่านจันทร์เนี่ย
ถ้าไม่ติดว่าเป็นสันติอโศก
สังคมไทยจะได้อะไรจากท่านมากทีเดียว"
- พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี -
วัดเบญจมบพิตร ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
"ผมเหรอครับ
ถ้าไม่มีสันติอโศก และถ้าผมไม่ได้เป็นสันติอโศก
สังคมไทยจะไม่ได้อะไรจากผมมากเท่าที่เป็นอยู่นี้"
- สมณะจันทเสฏโฐ (ท่านจันทร์) -
มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
หลายคนมักพูดถึงข้าพเจ้าทำนองนี้อยู่เนืองๆ
แม้กระทั่งพระพยอมนักเทศน์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่แพร่หลายเหมือนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ก็เคยพูดกับข้าพเจ้าในทำนองเดียวกับพระมหาวุฒิชัย หรือ ว.วชิรเมธี กระทั่งนักเขียนหนังสือในทางพุทธศาสนาท่านหนึ่งก็ยังมีความคิดเห็นเป็นไปในทำนองเดียวกันนี้ด้วย
สันติอโศก เป็นองค์กรนอกสังกัดที่ไม่น่ายินดีสำหรับสังคมส่วนใหญ่
การทำงานในวงกว้างภายใต้สังกัดของสันติอโศกนั้น ย่อมไม่สะดวกดายสบายดีเท่าที่ควร
เพราะสังคมส่วนมากยังมีเครื่องหมายคำถามเกี่ยวกับสันติอโศกอยู่มิใช่น้อย
โดยเฉพาะรูปแบบ การแต่งกายที่ผิดแผกไปจากพระสงฆ์ที่พบเห็นกันโดยทั่วไป อาทิ
การไม่โกนคิ้ว การห่มจีวรสีน้ำตาลเข้ม ค่อนข้างคล้ำ เมื่อไปปรากฏ ในที่แห่งใด
ก็มักจะมีคำถามย้อนกลับมาเนืองๆ ยิ่งถ้าใครบางคนมีข้อมูลด้านลบเกี่ยวกับสันติอโศกอยู่ก่อนแล้ว
ตามที่ได้ยินได้ฟัง มาจากสื่อสาธารณะทั่วไป ก็จะมีความรู้สึกเป็นลบกับสันติอโศกอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
สื่อมวลชนหญิงท่านหนึ่งเล่าว่า เมื่อท่านผู้นั้น ได้สัมภาษณ์ข้าพเจ้า ผ่านสื่อวิทยุที่ดำเนินรายการอยู่
มักจะมีกระแสตอบรับอย่างดีจากผู้ฟัง บางคนสอบถามเข้ามาว่า ท่านจันทร์ อยู่วัดไหน
พอได้คำตอบว่า อยู่สันติอโศก ผู้ถามก็มักจะนิ่งอึ้งไป
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
ขอร้องให้ข้าพเจ้าเขียนหนังสือให้ ทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง มักจะนำข้อเขียนของข้าพเจ้า
ลงพิมพ์อยู่เนืองๆ แต่ไม่กล้าที่จะลงชื่อของข้าพเจ้า แบบเต็มๆว่า "สมณะเพาะพุทธ
จันทเสฏโฐ" (ท่านจันทร์) เขาใช้ชื่อเพียงแค่ "ท่านจันทร์"
เฉยๆ เมื่อเขียนบทกวีตามคำขอเข้าไปอีก เขาก็ขอให้ข้าพเจ้า เปลี่ยนนามปากกาไปเรื่อยๆ
ไม่ให้ผู้อ่านรู้ว่า เป็นของข้าพเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าพเจ้าจึงใช้นามปากกา
ได้หลากหลาย อาทิเช่น สันตจิตโต ติกขวีโร ถิรจิตโต เป็นต้น
ข้าพเจ้ามีความสุขใจที่สังคมส่วนหนึ่งขานรับงานสื่อวิทยุ
โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ข้าพเจ้าพากเพียร บำเพ็ญงานด้านนี้ อย่างเอาจริงเอาจัง
มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ จนถึงปัจจุบัน แม้สังคมส่วนหนึ่ง จะไม่ยอมรับสันติอโศก
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด ทางจิตวิญญาณของข้าพเจ้า ก็ไม่เห็นเป็นปัญหา เพราะการยอมรับ
ผลงานของข้าพเจ้า ก็เท่ากับยอมรับสันติอโศก ไปโดยปริยายอยู่แล้ว
มีผู้ติดตามสื่อวิทยุของข้าพเจ้าจำนวนหนึ่ง
ได้เขยิบฐานะจากผู้ฟังรายการ มาเป็นญาติธรรมชาวอโศก ไปมาหาสู่กับ พุทธสถาน
อยู่เนืองๆ บางคน เข้ามาเป็นคนวัด บางท่านได้บวชไต่เต้าจนเป็นสมณะ ทุกท่านเหล่านั้นทราบดีว่าเนื้อหาสาระในแวดวงอโศกนั้น
มีความเข้มข้น และเข้มแข็ง มากกว่าเนื้อหาสาระ ที่ข้าพเจ้านำไปสื่อสารในวงกว้างมากนัก
หลายท่านที่เปลี่ยนฐานะ จากผู้ฟังรายการ เป็นญาติธรรม จึงมีสถานภาพที่ดีขึ้น
เจริญขึ้นกว่าการเป็น ผู้ฟังรายการเพียงเท่านั้น และข้าพเจ้าเอง ก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
ในแวดวงอโศก มีขบวนการกลุ่มที่เข้มแข็งพอสมควร
การที่ข้าพเจ้าได้มายืนอยู่ในจุดนี้ได้ ก็เป็นเพราะข้าพเจ้า ผ่านเบ้าหลอม
ของอโศกมาก่อน หากไม่ได้มาอาศัยที่สันติอโศก ไม่ได้ครูบาอาจารย์ อย่างพ่อท่านฯ
ไม่มีหมู่สงฆ์ ที่เป็นเอกภาพ และมีคุณภาพ ข้าพเจ้าก็จะไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ไม่มีรากแก้ว
ไม่แตกต่างกับตึก ที่ขาดเสาเข็ม ย่อมจะต้องล้มครืน เป็นแน่นอน
ใครจะเข้าใจสันติอโศกเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ
ข้าพเจ้าเข้าใจทุกคนที่ยังไม่เข้าใจสันติอโศก และไม่นิยมใช้คำพูดอธิบาย ให้คนภายนอก
เข้าใจ ด้วยเชื่อว่า การจะมีความเข้าใจที่แท้จริงนั้น มิใช่เรื่องง่าย หากว่าเขาเหล่านั้น
ได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสสันติอโศก ในเชิงลึก ก็จะไม่ได้รับเพียงแค่ความเข้าใจ
แต่จะไปถึงขั้น "เข้าถึง"
ทุกวันนี้ ข้าพเจ้ามีความสำนึกอยู่เสมอว่า
การที่ตนเองทำงานอยู่ได้อย่างมากมายเช่นนี้ เพราะพ่อท่านฯเปิดโอกาสให้ทำ
ตั้งแต่ต้น ท่านไม่ปิดกั้น ไม่ขัดขวาง แต่จะคอยดูแลในรายละเอียด และช่วยคิดช่วยค้านในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ทางปัญญา
และการปฏิบัติธรรม ของข้าพเจ้า หลายครั้งที่พ่อท่านฯ เป็นทำนบกั้นกระแส พายุมรสุมในอโศก
ที่ถาโถมสู่ข้าพเจ้า ด้วยความไม่เข้าใจ พ่อท่านเป็น ครูบาอาจารย์ ที่ใจกว้างมากที่สุด
เท่าที่เคยเห็นมา ไม่เคยเห็นท่านแสดงออก ถึงการมีอคติกับข้าพเจ้า หรือใครๆเลยสักครั้ง
หมู่สงฆ์อโศก มีพระคุณแก่ข้าพเจ้าไม่น้อยกว่าพ่อท่านฯ
จริงๆแล้วหมู่สงฆ์ก็คือพ่อท่านในระยะยาว ข้าพเจ้าอุ่นใจ สบายใจ กับหมู่สงฆ์
สำนึกอยู่เสมอว่าตนเองเป็นผู้อาศัยหมู่สงฆ์ ด้วยความที่ข้าพเจ้าแทบจะไม่มีเวลาทำงานให้กับหมู่อโศกวงในเลย
จึงได้แต่รู้สึกสำนึกพระคุณของเพื่อนสมณะที่ขยัน ขวนขวาย ดูแลงานภายใน เท่ากับเป็นการให้โอกาสข้าพเจ้าได้ทำงานสื่อสารกับคนภายนอกได้โดยสะดวก
และเมื่อผู้ฟังรายการได้เข้ามาเป็นญาติธรรม ก็ได้อาศัยหมู่สงฆ์นี่แหละเป็นพี่เลี้ยงดูแลเขาเหล่านั้น
จนแม้เขาจะไม่ต้องเป็นผู้ฟังรายการอีกต่อไปเขาก็อยู่ได้เป็นอย่างดี
ด้วยคุณูปการอย่างมากมายดังกล่าวแล้ว
ข้าพเจ้าจึงกล้าประกาศให้โลกได้รับรู้ว่า ข้าพเจ้ายืนอยู่ได้เพราะสันติอโศก
ถ้าไม่มี สันติอโศก ก็ไม่มีข้าพเจ้า
บันทึกใจ เมื่อวันพุธที่
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ (ท่านจันทร์)
www.prajan.com โทรสาร ๐-๒๗๓๓-๕๕๕๔
หน้า ๘๑
กว่าจะถึงอรหันต์
ชราแล้ว ลูกผัว บวชหมด
ใจสลด สังเวช นักหนา
บวชตาม ละล้าง อัตตา
เพียรพา พบพุทธ นิพพาน
พระโสณาเถรี
ในยุคสมัยของพระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก
อดีตชาติของพระโสณาเถรีได้เกิดอยู่ในตระกูลเศรษฐี เป็นผู้มีความสุข อย่างยิ่ง
เพราะเป็นที่รัก ของบิดามารดา สามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวกสบาย จึงมีนิสัยรักในการตกแต่งด้วยของสวยงาม
วันหนึ่ง นางมีโอกาสไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ได้ฟังธรรมอันไพเราะแล้ว ก็บังเกิดความศรัทธายิ่งนัก ครั้นเห็นพระองค์ ทรงสรรเสริญ
ภิกษุณีรูปหนึ่งว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ในด้านปรารภ(ตั้งต้น
)ความเพียร ก็เกิดจิตปรารถนา มีความสามารถ ในฐานะอย่างนั้นบ้าง พระปทุมุตตรพุทธเจ้า
ก็ได้ทรงพยากรณ์นางว่า
"ความปรารถนาของเธอ จะสำเร็จผล ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม
เธอจะได้เป็นธรรมทายาทของ พระศาสดา พระองค์นั้น จะมีชื่อว่า โสณา"
ได้ฟังคำตรัสเช่นนั้น นางมีความยินดีนัก
ตั้งจิตประกอบด้วยเมตตา บำเพ็ญกุศล บำรุงพระพุทธเจ้าด้วยปัจจัย (สิ่งจำเป็น
ในการดำรงชีวิตอยู่) ทั้งหลาย กระทำบุญอย่างยิ่งยวด จนตลอดชีวิต
จากกุศลกรรมที่ทำสะสมแล้ว
และความตั้งใจที่มุ่งหมายไว้ ในชาติสุดท้ายนั้น อันเป็นสมัยของพระพุทธเจ้าองค์สมณโคดม
นางได้เกิดอยู่ในตระกูลเศรษฐีที่มั่งคั่งร่ำรวย มีทรัพย์มากมายอยู่ในนครสาวัตถีของแคว้นโกศล
ได้ชื่อว่า โสณา (ทองคำ)
ครั้นเติบโตเป็นสาว ก็ได้สามีที่ดียิ่งซึ่งมีใจฝักใฝ่ในธรรม
อยู่กินกันจนกระทั่งมีบุตรชายถึง ๑๐ คน บุตรทุกคน ล้วนแต่มี รูปงามทั้งสิ้น
เป็นที่ต้องตาตรึงใจของผู้คนอย่างนิยมชมชอบ แม้แต่พวกศัตรูก็ยังชื่นชอบ ทำให้พวกเขายิ่งเป็นที่รักของนางเป็นอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่ง เรื่องคาดไม่ถึงก็บังเกิดขึ้นราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ
ทั้งๆที่นางไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นเลย ปรากฏว่า ทั้งสามีและบุตร ๑๐ คน
ต่างพากันไปบวชเป็นภิกษุอยู่ในพระพุทธศาสนาทั้งหมด เหลืออยู่แต่นางเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทำให้บังเกิดความสลด สังเวชตัวเอง นึกถึงสิ่งดีงามที่ควรจะไม่ประมาทในชีวิต
คิดตั้งต้นเพียรที่จะทำในสิ่งเป็นกุศลว่า
"เราไม่ควรเป็นคนแก่ อยู่เพียงลำพัง ต้องพลัดพรากจากผัวและลูกเสมือนคนกำพร้า
แม้เราก็ควรไปบวชเช่นกัน"
นางจึงไปยังอาราม เข้าหาภิกษุณีรูปหนึ่ง
ได้ฟังธรรมคือ ขันธ์(หมู่รูปธรรมและนามธรรม) อายตนะ(สิ่งที่เป็นตัวรู้ และสิ่งที่ถูกรู้)
และธาตุ(สภาพสิ่งนั้นๆ)ต่างๆ พอนางฟังธรรมจบ ได้รู้ได้เข้าใจธรรมะ จึงขอโกนผมบวชเป็นภิกษุณี
นางได้รับอนุญาต ตามนั้น
เมื่อบวชแล้ว ภิกษุณีโสณาคิดว่า
"เราได้บวชเมื่อแก่ชรา แม้ร่างกายจะหย่อนกำลังความสามารถก็จริง แต่เราจะไม่ประมาท
จะทำวัตรปฏิบัติเช่น ภิกษุณี ทั้งหลาย จะกระทำสมณธรรม(ข้อปฏิบัติของผู้สงบระงับกิเลส)
แม้ตลอดคืนยันรุ่งก็ตาม"
ด้วยการปรารภความเพียรอย่างนี้ ก็ได้ลงมือกระทำสม่ำเสมอ
มีอยู่วันหนึ่ง ภิกษุณีโสณาตักน้ำใส่หม้อตั้งไว้
เพื่อที่จะต้มน้ำ ขณะนั้นเองก็ปรารภความเพียรทางจิต ได้พิจารณาเห็นขันธ์
ทั้งหลาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่เจ้าของ)
มีจิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง เจริญอนิมิตตสมาธิ (จิตตั้งมั่นที่เกิดจากปัญญา
พิจารณาเห็นนามรูป โดยความเป็นของไม่เที่ยง) ได้ชำระทิพพจักขุ (ตาทิพย์มองทะลุกิเลสได้)
ให้บริสุทธิ์แล้ว รู้ระลึกชาติการเกิดของกิเลสก่อนๆได้ เป็นผู้มีความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยมรรค(ข้อปฏิบัติ)อันเลิศ
เป็นผู้ดับกิเลสแล้วโดยหาเชื้อมิได้ ทำกิเลสทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ได้บรรลุธรรม
เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแล้ว ในที่ตรงนั้นเอง จึงได้อุทานออกมาว่า
"ขันธ์ ๕ (คือ ๑. รูป = กาย ๒. เวทนา = ความรู้สึก ๓. สัญญา = ความกำหนดรู้จดจำ
๔. สังขาร = สภาพปรุงแต่งกายวาจาใจ ๕. วิญญาณ = ความรู้แจ้งอารมณ์จิต) ที่เรากำหนดรู้
มีราก(กิเลส)ขาดแล้วตั้งอยู่ สิ่งที่ยังคงอยู่ ก็คงมีอยู่ในกายที่คร่ำคร่าเท่านั้น
บัดนี้ภพใหม่ของเรา ไม่มีแล้ว"
ครั้นพระศาสดาทรงทราบการปรารภความเพียรนี้แล้ว
ทรงชื่นชมตรัสว่า
"ผู้ปรารภความเพียรมั่น มีชีวิตเป็นอยู่เพียงวันเดียว ประเสริฐกว่าคนเกียจคร้านละความเพียรเป็นอยู่
๑,๐๐๐ ปี"
แล้วทรงแต่งตั้งพระโสณาเถรีไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายผู้ปรารภความเพียร
- ณวมพุทธ -
ศุกร์ ๓ ก.พ. ๒๕๔๙
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ ข้อ ๔๔๖
พระไตรปิฎกเล่ม ๓๓ ข้อ ๑๖๖
อรรถกถาแปลเล่ม ๕๔ หน้า ๑๖๑)
หน้า ๘๓
รายงานจากพุทธสถาน
# # # สันติอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
ชาวชุมชนปิดบริษัทกันเป็นสัปดาห์เพื่อไปค้าขายขาดทุนแต่ได้กำไรอาริยะ
กลับมา ยังขยันทำงานกันตามปกติ ไม่มีวี่แววว่า ใครจะป่วย วันเด็กมาเสียสละกันอีก
ไปคัดค้านน้ำเมาเข้าตลาด หลักทรัพย์ก็พากันไปอีก สุดท้ายปลายเดือนปิดบริษัทไปจัดโรงบุญตลาดอาริยะที่งานปอยหนาว
จ.เชียงใหม่ โอ! หนอ...! มหัศจรรย์จริงๆ คนอื่นๆ เขาแย่งชิงกัน กอบโกยโกงกันอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่คนเหล่านี้กลับมาตั้งหน้าตั้งตาเสียสละกันอย่าง ไม่หยุดยั้ง และอยู่กันอย่างผาสุก
คนอย่างนี้ขอให้อยู่กับโลกนี้ไปนานแสนนานและให้มีเพิ่มขึ้น จนนับไม่ถ้วนด้วยเถิด
เหตุการณ์ในโลกมันไม่เที่ยงเอาเลย
จากงานเพื่อฟ้าดิน กลายมาเป็นงาน ขอร้อง ให้เขาหยุดนำน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น
ชีวิตสมมุติ ไม่เที่ยง แล้วแต่ความเหมาะสมนั่นเองที่เราจะทำงานได้ดี และมีประโยชน์
* เหตุการณ์ทั่วไป
อา.๘ ประชุมคณะคุรุสัมมาสิกขาทั้งคุรุวิชญ์และคุรุชาญ
อ.๑๐ ประชุมอปริหานิยธรรมเรื่องการงาน กิจนิมนต์ และติงเตือนกันในเรื่อง
ของคุณธรรม สมณะเบิกบานสรุปว่า การมาบวชจะไม่ลาสิกขาต้องปฏิบัติ อปัณกธรรมและมรรคองค์แปดมีโยนิโสมนสิการ
พ.๑๑ ประชุมคนวัดหญิงและคนวัดชาย
-ประชุมคณะที่ไปร่วมงาน พฟด.
พฤ.๑๒ ประชุมกรรมการชุมชน เรื่องปัญหาการดำเนินการที่ดิน ณ คลอง ๑๓ จากผู้รับเหมา
ตัดต้นไม้ไป ๑๐๐ กว่าต้น ตั้งแต่ต้น เท่าตัว คน ถึงต้นโอบไม่ถึง แถมช๊อตปลาไปกินด้วย
ข้อคิด ว่า การทำงานอะไรที่คิดไปสำเร็จรูปจะทำลายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบข้างรวมทั้งจิตวิญญาณด้วย
ศ.๑๓ พ่อท่านและคณะกรรมการชุมชนไปตรวจสอบการปรับพื้นที่ ตกลงทำความเข้าใจให้ชัดเจน
ส.๑๔ ประชุมชุมชนสันติอโศก พ่อท่านให้ความเห็นว่า การเมืองบุญนิยมกับชุมชนบุญนิยม
ทำงานในลักษณะเดียวกัน ควรจะเป็นคณะกรรมการชุดเดียวกัน และรายงานให้กกต.
ทราบในสิ่งที่เหมาะสม
อา.๑๕ ประชุม ๘ องค์กร พ่อท่าน อ่าน สถิติกำไรอาริยะในงานตลาดอาริยะ ปีใหม่
'๔๙ ที่หมู่บ้านราชธานีอโศก จ.อุบลฯ เน้นย้ำ ให้พวก เราเห็นความสำคัญของงาน
และข้อมูลที่ต้องเก็บไว้ศึกษา ใครมีรายละเอียดส่งได้ที่ ปัจฉาสมณะแน่วแน่
สีลวัณโณ ปัจฉาสมณะ
-ประชุมคณะทำงาน ไปประท้วงการคัดค้านนำน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์
จ.๑๖ ชุมชนชาวอโศก และนักเรียนสัมมาสิกขาหลายแห่ง ร่วมกันคัดค้านนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เข้าตลาดหลักทรัพย์
พ.๒๕ สมณะฟ้าไท สมชาติโก เดินทางไปบูรณาการการศึกษา ที่สัมมาสิกขาภูผาฟ้าน้ำ
ในวันที่ ๒๖ ตอนเย็น รวบรวมคุรุวิชญ์ และคุรุชาญ ประมาณ ๑๕ คน ที่ ชมร.เชียงใหม่
ทั้งหมดเป็นผู้หญิง
-ประชุมกรรมการชุมชนและศูนย์บุญนิยมสิกขา ตกลงยุบคณะกรรมการศูนย์บุญนิยมสิกขา
ได้ข้อคิดว่า จะทำอะไรต้องระวังความเอาแต่ใจตัวไว้ให้ดีๆ เรามักจะลืมและเอาแต่ใจตัวจนเคยชินจนไปเบียดเบียนคนอื่นโดยเราไม่รู้ตัว
ศ.๒๗-จ.๓๐ ชาวชุมชนและนักเรียนสัมมา สิกขาชั้นม.๖ ไปร่วมงานปอยหนาว บจ.แด่ชีวิต
บจ.พลังบุญ ปิดเพื่อไปร่วมงานด้วย ที่ พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำและคณะกรรมการพรรคเพื่อฟ้าดิน
ไปร่วมประชุมใหญ่ที่ ชมร.เชียงใหม่ ในวันที่ ๒๗ มกราคม ซึ่งมี กกต.มาร่วมรับรู้ด้วย
-งานฉลองหนาวทำให้สมณะร่วมมือกันทำงาน ในขณะที่พ่อท่านไม่อยู่ หรือมาร่วมงานไม่ได้เป็นแบบฝึกหัดก่อนที่พ่อท่านจะจากเราไปจริงๆ
ทุกวันอังคารประชุมอปริหานิยธรรม ขึ้น ๑๕ ค่ำ และแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ สมณะฟังพระปาติโมกข์ที่โบสถ์
* การศึกษาบุญนิยม
อ.๑๐ ประชุมคณะกรรมการบริหารการศึกษาเรื่องการรับเด็กในปีการศึกษา ๒๕๔๙ จะต้องให้ผู้ปกครองนักเรียน
มาอบรม ๕ วัน ๔ คืนเพื่อสร้างสัมมาทิฐ และต่อทอดไปถึงเยาวชนให้ได้ดีต่อไป
พ.๑๑ นักเรียนสัมมาสิกขาพบสมณะ
ส.๑๔ นักเรียนสัมมาสิกขา ไปชมงานวันเด็กนอกสถานที่
อา.๑๕ โรงเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศกและพุทธธรรมวันอาทิตย์ สมาคมศิษย์เก่าสัมมาสิกขาร่วมจัดงานวันเด็ก
มีผู้มาร่วมงาน มากมาย สนุกสนาน คำขวัญวันเด็กที่พ่อท่านให้ "รู้ดี
สำนึกดี ทำดีจนสำเร็จ ประเสริฐแท้กว่า รู้ดีแต่ไม่ทำหรือทำแต่ไม่สำเร็จ"
- ประชุมสมาคมศิษย์เก่าในการจัด "คืนสู่เหย้าที่สันติอโศก"
-นิสิตสัมมาสิกขาลัยเรียนวิถีพุทธ ในเรื่องสักกายะ
อ.๓๑ ประชุมคณะกรรมการบริหารการศึกษาสัมมาสิกขา พิจารณาการไปงานตรุษจีนของนักเรียน
โดยมีมติให้พิจารณ าเป็นรายๆไป การรับนร.ใหม่ให้ดูตัวเด็กให้ผ่านก่อน แล้วจึงเข้าค่ายผู้ปกครอง
เรื่องในที่ประชุมคุรุ ไม่ควรนำไปบอกเด็กว่า ใครพูดอย่างไร เพราะเด็กจะเพ่งโทษคุรุ
ซึ่งเป็นผลเสียต่อการทำงาน
* เหตุการณ์พิเศษขอร้อง
ไม่นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
จ.๑๖ นักเรียนสัมมาสิกขา ชั้นม.๖ คุรุและชาวชุมชนอโศก ร่วมกันไปคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
ที่หน้า กลต. ถนนวิทยุ ใกล้สวนลุมพินี ไปค้างคืนที่นั่นประมาณ ๑๐๐ คน โดย
ไม่รู้ว่าจะอยู่สักกี่วัน และยกเลิก งานเพื่อฟ้าดิน ส่วนนร.สัมมาสิกขาปฐมฯกำลังจะเดินทางไป
จึงต้องให้กลับ นร.สันติอโศกคืนตั๋วรถไฟ พ่อท่านเลื่อนตั๋วเครื่องบิน ไปบ้านราชฯ
โดยไปเยี่ยมตอนกลางคืน มีสมณะร่วมไป ๖ รูป ส.แน่ว แน่ สีลวัณโณ ส.เมืองแก้ว
ติสสวโร ส.ฟ้าไทสมชาติโก ส.ชัดแจ้ง วิจักขโณ ส.ใจเด็ด จิตตคุโณ และส.หนักแน่น
ขันติพโล สิกขมาตุอีก ๒ รูป สม.บุญจริง สม.พูนเพียร พ่อท่านว่าความเป็นกลาง
ต้องเข้าข้างคนดี อยู่สักครู่จึงกลับสันติอโศก กลางคืนพวกเรานำ มุ้ง เต็นท์มุ้งครอบ
เท่าที่หาได้ไปให้ผู้ชุมนุมชาวอโศก
อ.๑๗ พ่อท่านไปเทศน์ที่หน้า กลต.เรื่องโทษภัยของเหล้า มีชาวศีรษะอโศก ปฐมอโศก
ส่วนพุทธสถานสันติอโศก งดกิจวัตร และงดฉายวีดิทัศน์
พ.๑๘ พ่อท่านไปเทศน์เรื่องศีลห้า และขอร้องให้เขาไม่เอาน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์
มีชาวราชธานีอโศก นักเรียน สัมมาสิกขา ปฐมอโศก ศาลีอโศก ชาวทักษิณอโศก ชาววังจันท์
พฤกษา และชาวอิสลามอยุธยา ๒๐๐ คน เริ่ม มีเวทีใหแสดงความคิดเห็น
พฤ.๑๙ ชมร.ปิดเพื่อทำอาหารไปให้พวกเรากินที่หน้า กลต. มีชาวภูผาฟ้าน้ำมาเพิ่มเติม
ที่บริเวณหน้า กลต. ขณะรับประทานอาหาร มีภาพยนตร์เรื่อง แดจังกึม ให้ชมกัน
อา.๒๒ ประชุมสถาบันบุญนิยม เรื่องการคัดค้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
และห้ามโฆษณา มีคนมา ร่วมประชุม ประมาณ
๕๐ คน ตอนนี้เราเสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ ๒ แสนกว่าบาทแล้ว ตำรวจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
มีคนมาก่อกวนบ้าง พวกเราก็สงบได้ คงจะต้องเพิ่มกลยุทธ์ทำให้ "สงบ เรียบร้อย
ราบรื่น ง่ายงาม" ทำไปอย่างธรรมชาติค่อยๆทำไปให้ดูราบรื่น เรียบร้อย
ไม่กดดัน
-ประชุมคุรุการศึกษาบุญนิยม เรื่องการบูรณาการการศึกษาในการคัดค้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
เข้าห้องเรียน เวลา ๖.๓๐-๘.๐๐น. และบูรณาการที่ค่ายชุมนุม
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพินิจ จารุสัมบัติ มาพบพวกเราที่ค่ายชุมนุมฯ
-ที่ค่ายชุมนุมฯวันนี้ไม่มี ชาวอิสลาม
-พ่อท่านเทศน์เรื่อง ท่านสร้างศิลปะอันอุดม ให้แก่มนุษยชาติ และเน้นย้ำว่า
ถ้าเราหมดเงินคงจะให้ทำน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ขาย หรือทำอาหารขายกัน แม้จะแพ้ก็แพ้ชะตาทรามดวงใจทรงความมั่นคง
จ.๒๓ สมณะฟ้าไท และคุรุ พบเด็กสัมมาสิกขาเวลา ๐๖.๓๐ - ๐๘.๐๐ น.
* พาณิชย์บุญนิยม
จ.๑๖ ประชุม พาณิชย์บุญนิยม สรุปงานตลาดอาริยะ สินค้าที่เหลือทางปฐมอโศกไปเปิดตลาดอาริยะที่ปฐมอโศกมีสินค้าอื่นๆมาเพิ่มเติมแถมแจกอาหารให้กินฟรี
มีประชาชนจำนวนมากมาอุดหนุน ต่างรู้สึกประทับใจ เป็นการสร้างแนวร่วมในการดำเนินการระบบบุญนิยมและวิธีการจับขโมยของศาลาค้าปฐมอโศก
คนที่ขโมยเป็นถึง เจ้าหน้าที่ อบต.
* อบรม
ศ.๒๐-อา.๒๒ อบรมผู้ปฏิบัติศีล ๘ มีคนมาประมาณ ๓๐ คน
* กิจนิมนต์
ส.๗ สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ไปกิจนิมนต์ที่ประเทศอินเดีย เช้าไป-เย็นกลับ
อ.๑๐ ฌาปนกิจศพคุณน้อย ถวิลนอก ปู่ของคุณขวัญชนก ชูเกียรติ ที่ วัดท้ายเมือง
จ.นนทบุรี สมณะเมืองแก้ว นำ
ศ.๑๓-ส.๑๔ ประชุมกลุ่มวังจันท์พฤกษา โดย สมณะฟ้าไท
ส.๑๔-จ.๑๖ ประชุมกลุ่มชลบุรีและอบรมนักเรียนอีเทค ๒๐ คน โดยสมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
ศ.๒๐ เทศน์งานศพโยม กี แม่สามีของคุณ ตะวันงาม ชวนนทกิจ ที่วัดท่าพระยาจักร
อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยสมณะฟ้าไท
อา.๒๒ เทศน์งานศพ ที่วัดศรีอี่ยม บางนา กทม.โดยสมณะฟ้าไท
* ผู้มาเยือน
อ.๑๐ น.ศ.มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มาเยี่ยมชมโรงเรียนสัมมาสิกขา
* พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ
พึ่งตาย
หลังจากงานปีใหม่ พ่อท่านมีอาการไอ หนักอยู่ ๑-๒ วัน และหกล้มเพราะหลบแมว
ต้องกินยาปฏิชีวนะค่อยทุเลาขึ้น แม้กระนั้นยังทำงานหนักไม่หยุดหย่อน และหลังจากงานการคัดค้านนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
พ่อท่านไอมากไม่สามารถไปร่วมงานฉลองหนาวได้
หลังจากปีใหม่ สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร สมณะหินแก่น นมวังโส สมณะณรงค์ จันทเสฏโฐ
ป่วยเป็นไข้อยู่หลายวัน และหวัดลงปอด หยุดการเทศน์หลายวัน
สมณะถนอมคูณ คุณกิตตโณ ยังต้องไปล้างไต ในวันอาทิตย์และวันพุธ สมณะปองสูญ
โฆสิตธัมโม ยังต้องได้รับการดูแล โดยสมณะ เมฆฟ้า นภมังคโลและนาคขยันยอม ท่านผู้ใดจะไปช่วยเปลี่ยนผลัดบ้างก็ขออนุโมทนา
สมณะเด็ดแท้ วิเสสโก พักรักษาตัว ใช้วิธีการขูดพิษและอื่นๆอีกหลายอย่าง
ปีใหม่ เหยาะหยด สดใหม่
ใส่ชีวิต แต่เรามักจะลืมและนำพฤติกรรมเก่ามาใช้ โดยเฉพาะในพฤติกรรมที่เราเอาแต่ใจตนเอง
นั่นเอง สุดท้าย ก็ได้วิบากกรรม ที่ต้องมีอันเป็นตามสภาพวิบากกรรม ที่จัดสรรนั่นเอง
ขอกราบคารวะ นอบน้อม แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แด่องค์พระโพธิสัตว์เจ้า
แด่องค์พระอาริยเจ้า ทั้งหลาย ทั้งมวล
- สมณะฟ้าไท สมชาติโก -
ความรัก มักรังแกคนใจอ่อน
# # # ปฐมอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
ปีใหม่ทุกปี หมู่เราชาวอโศกเครือแหทั้งหมดในชุมชนนี้
จะออกเดินทางไปร่วมจัดงานปีใหม่ที่บ้านราชฯ ตลาดอาริยะ เริ่มเปิดบริการ ตั้งแต่วันที่
๓๑ ธันวาคม ผู้คนหลายพื้นที่ทั้งใกล้และไกลพากันหลั่งไหลมาเป็นเรือนแสน วันที่
๓-๔-๕ มกราคม ชาวชุมชนต่างทยอยกลับโดยสวัสดิภาพ
ศ.๑๐ เวลา ๐๖.๐๐ น. มอบของขวัญให้ชาวจังหวัดนครปฐม
ด้วยการเปิดตลาดอาริยะ ผู้คนมาใช้บริการเป็นระยะไม่ขาดสาย จำหน่ายสินค้า
ได้แสนกว่าบาท ต่อมาคุณเบิ้ม วิจิตรโสภณ (คุณชายผู้ไม่อิ่มในการทำบุญ) อยากมีส่วนร่วมชวนเปิดตลาดอาริยะอีก
คุณช่วยบุญ จันทร์รักษา นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการ คณะกรรมการเห็นด้วย จึงจัดตลาดอาริยะอีกครั้ง
เพื่อร่วมฉลองปิตุบูชา ๗๒ ปี พ่อท่าน เริ่มวันที่ ๑๔-๑๕ มกราคม ๒๕๔๙ เวลาปิด
๑๖.๐๐ น.
อ.๑๔ โรงเรียนสัมมาสิกขาปฐมอโศก
จัดงานวันเด็ก นักเรียนหลายชั้นพยายามคิดกิจกรรมอันหลากหลายมานำเสนอ ทั้งสนุกและ
มีสาระผสมผสานกันไป พ่อท่านให้คำขวัญเด็กว่า "รู้ดี สำนึกดี ทำดีจนสำเร็จ
ประเสริฐแท้กว่า รู้ดีแต่ไม่ทำ หรือทำ แต่ทำไม่สำเร็จ" และวันเดียวกันนี้ด้านหน้าชุมชนเปิดตลาดอาริยะ
ตั้งแต่ ๐๗.๐๐-๑๖.๐๐ น. มีผู้มารอ ใช้บริการ มากมาย ตลอดทั้งวันไม่ขาดสาย
ผู้คนมาซื้อหาสินค้าอย่างอบอุ่น
พ.๑๕ วันนี้มีงานใหญ่ๆ หลายงานดังนี้
๑. เปิดตลาดอาริยะ เป็นวันที่สอง
๒. ลูกๆ ของโยมสำลี วิจิตรโสภณ ทำบุญ ประจำเดือน เลี้ยงชาวชุมชนทั้งหมด และเหมาอาหารในร้านมังสวัติปฐมอโศก
ตั้งเป็นโรงบุญแจกทุกคนที่เข้ามากิน เมื่อผู้คนไปใช้บริการตลาดอาริยะ โฆษกจะประกาศให้ก่อนกลับบ้านเชิญแวะกินอาหาร
ที่โรงบุญ ส่วนด้านหน้าตรงกันข้ามอีกฝั่งหนึ่งของตลาด จะมีมันแกวกองอยู่
๑๒ ตัน ขายกิโลกรัมละ ๑ แถมไอศกรีม ที่ยืนแจกอยู่ด้านหน้า ปรากฏว่า มันแกว
๑๒ ตันไม่พอขาย
๓. เที่ยง ชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง หมู่ ๓ บ้านหนองปลาไหล อำเภอหนองปรือ
จังหวัด กาญจนบุรี จำนวนร้อยกว่าคน เยี่ยมชมวิถีพุทธ และขอรับประทานอาหาร
๒ มื้อ ติดตามด้วย องค์กรเอกชน(เอ็นจีโอ)จังหวัดนครปฐม ชื่อย่อว่า "สหข่าย"
ประมาณ ๔๐ คน ขอใช้ห้องประชุมชาวบ้าน และ ขอรับประทานอาหาร
๔. อบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามแนวเศรษฐกิจ พอเพียง ๑๔๐ คน ภายในศาลาวิหาร
ตั้งแต่วันที่ ๑๔-๑๙ เป็นเวลา ๔ คืน ๕ วัน พวกเราชาวชุมชน ต่างพร้อมใจ ร่วมด้วยช่วยกัน
งานนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยไปดี
พฤ.๑๖ เป็นวันครู แต่พวกเราไม่ได้จัดงาน
เพราะจะไปคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์ หากเข้าได้
จะนำความวิบัติมาสู่สังคมไทยชั่วลูกหลาน เหลน ฯลฯ จึง เป็นหน้าที่ของหมู่เราชาวพุทธต้องยืนยันคัดค้าน
ยกเลิกงานเพื่อฟ้าดิน เพื่อไปร่วมคัดค้านที่
หน้าตลาดหลักทรัพย์ ถ.วิทยุ งานนี้ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำ สมณะ และสิกขมาตุ
เดินทางไปให้กำลังใจ ท่านจันทเสฏโฐ แสดงธรรมตอนกลางวัน พ่อท่านแสดงธรรมภาคเย็น
หลังจากพ่อท่านแสดงธรรม แต่ละวัน ได้ทำซีดี แจกทั้งหมด ๕,๐๐๐ แผ่น และพิมพ์เอกสารอันตรายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน
พ่อท่านบอกว่าพวกเราไม่ใช้คำว่า"ม็อบ"
เพราะมีความหมายในเชิงสร้างความรุนแรง แต่หมู่เราใช้วิธีการแบบคานธีคือ "อหิงสา
อโหสิ" เรามาเพื่อขอร้องคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย "อย่านำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์"
เพราะจะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากพี่น้อง
มุสลิม ศาสนิกชน ๖๗ องค์กรทั่วประเทศและ ๑๗๒ องค์กรเครือข่ายงดเหล้า
๘ คืน ๙ วัน แห่งการยืนหยัดในการคัดค้านอบายมุขเข้าตลาดหลักทรัพย์
ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก คือ เป็นมติของ คณะรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการ ให้เจ้ากระทรวงดำเนินการได้ภายใน
๔๕ วัน รายละเอียดนั้นมีมาก ขอสรุป ประโยคทองดังนี้ ให้ออกกฎหมายห้ามโฆษณา
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ในสื่อทุกแขนงตลอด ๒๔ ชม. ลงชื่อ รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวง สาธารณสุข (นายพินิจ จารุสมบัติ)
การต่อสู้ระหว่างน้ำเมา(ยาพิษ)
กับจริยธรรม ยังไม่จบตราบใดคนในสังคมขาดศีลธรรม ตกเป็นทาสอบายมุข นี้คือหน้าที่
ภารกิจของโลกโพธิสัตว์ต้องทำ เพื่อกตัญญูพระศาสนา อันจะนำมาซึ่งความผาสุกของมหาชน
ส.๒๕-จ.๒๗ สมณะ-สิกมาตุ-ชาวชุมชนและสส.ฐ.
ชั้นม.๖ เดินทางไปร่วมงานฉลองหนาวที่ พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ เป็นเวลา ๓ วัน
พ.๑๘-อา.๒๓ ศูนย์คุณธรรมฯ นิมนต์ สมณะณรงค์ ชินธโร สิกขมาตุมาบรรจบ เถระ-วงศ์
สิกขมาตุจินดา ตั้งเผ่า สิกขมาตุรินฟ้า นิยมพุทธ เดินทางไปประเทศไต้หวัน
เพื่อดูการทำงานที่ของมูลนิธิพุทธฉือจี้ สายมหายาน อุดมการณ์ทำงาน เพื่อรับใช้โพธิสัตว์
มีการทำงาน อย่างเป็นระบบ ระเบียบ ประณีตประหยัด มีความอ่อนน้อมถ่อมตนในการทำงาน
พึ่งตนเอง ให้ได้จนเป็นที่พึ่งของผู้อื่น มีสาขา กระจายทั่วโลก ๓๙ สาขา ๓๐
กว่าล้านคน ส่วนนักบวชมีภิกษุณีอยู่ ๖๐ รูป ร่วมทำงานกันมาเป็น เวลา ๔๐ ปี
ขออนุโมทนากับ "ฉือจี้" ที่เป็นนักการศาสนา รับใช้มวลมนุษยชาติ
สาธุ
* ยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม
สมณะเก้าก้าว สรณีโย รับกิจนิมนต์ ไปแสดงธรรมที่ศูนย์พุทธเมตตาธรรมเป็นประจำทุกวันเสาร์
แสดงธรรมออกรายการวิทยุ เพื่อน ชุมชน ๓ ช่วง ช่วงละ ๑ ชั่วโมง และยังรับกิจนิมนต์
แสดงธรรมในวาระอื่นๆ อีก
สมณะเสียงศีล ชาตวโร รับบรรยายให้ความรู้กับเกษตรกร
และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นประจำ หลายหน่วยงาน หลายองค์กร ที่ท่านเชื่อม สัมพันธ์อยู่
ยังต้องจัดรายการวิทยุหลายสถานี โดยเชิญท่านผู้รู้ มาร่วมรายการ เดือนนี้เชิญผู้อำนวยการสถานีวิทยุ
เพื่อนเกษตร (นายสันต์เพชร มีสามเสน) และออกประเมินผลเกษตร ที่ผ่านการอบรมแล้ว
ถ่ายทำเกษตรตัวอย่าง นำมาเผยแพร่ ในรายการ เกษตรลูกทุ่ง iTV และรายการอื่นอีกด้วย
* ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น
พื้นไม่มีหนีไม่พ้น ทุกคนต้องเจอ
จ.๑๓ สมณะ- สิกขมาตุ ร่วมเดินทางไปบ้านราชฯ เพื่อร่วมฌาปนกิจศพ โยมเทียบ
ละมูลมอญ อายุ ๗๐ ปี (โยมแม่ของสิกขมาตุ กล้าข้ามฝัน) จากไปด้วยโรคมะเร็ง
อ.๒๘ สมณะ- สิกขมาตุ คนวัด ร่วมเดินทางไปฌาปนกิจศพโยมเทียบ ธูปเทียน (โยมแม่ของสิกขมาตุเทียนคำเพชร)
อายุ ๘๒ ปี ที่วัดช่องคีรี จ.นครสวรรค์ จากไปด้วยโรคชรา
* อปริหานิยธรรม คือ ธรรมอันไม่เสื่อมของหมู่คณะ
สมณะลงพระปาติโมกข์ทุก ๑๔,๑๕ ค่ำ ของ ทุกปักษ์ ประชุมสมณะ - สิกขมาตุ ช่วงบ่ายวันอังคาร
กำหนดการประชุม คณะกรรมการ - คณะคุรุ -ม.วช.-ศิษย์เก่า และนร.สส.ฐ. เป็นประจำ
และ เรียกประชุมเมื่อมีวาระเร่งด่วน พร้อมกันรับรู้ ให้ตรงกันและปฏิบัติไปด้วยกัน
แม้จะต่างจริต ต่างความสามารถ แต่เรามีทิฐิสามัญตา ความ เห็นที่เป็นเอโกธัมโม
ปฐมอโศกจึงอยู่ผาสุกด้วยธรรมนี้แล
ธรรมที่ประพฤติดีแล้วนำสุขมาให้
- สมณะกรรมกร กุสโล -
การประหยัดคำพูด เพิ่มความสง่า
# # # ศีรษะอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ปรากฏการณ์ใหม่
ชาวชุมชนรวมพลัง บวร. เกือบทั้งหมด ไปร่วมชุมนุมต้านน้ำเหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่กรุงเทพ จำต้องตัด (เฉือน)ใจ สละทิ้งเรือกสวนไร่นาที่แสนรัก ปล่อยต้นอ่อนนอนอดน้ำตาย
และต้นใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก ยืนเหี่ยวเฉา ด้วยเล็งเห็นโทษภัยอันใหญ่หลวง จักเกิดขึ้นในสังคม
ต้องร่วมด้วยช่วยกันด่วน ปลงซะว่า น้ำเมามันท่วมพืชไร่ พืชผักของเราเสียหาย
ไปส่วนหนึ่ง
หมู่บ้านเรา สิ่งมอมเมาสารพัดไม่มี
ยิ่งอบายมุข จัดเป็นขยะมลพิษที่ต้องขจัดทิ้งก่อนใดอื่น ไม่ให้แพร่พิษร้ายระบาด
ไปยังเด็กเล็กๆ ของเราที่ภูมิคุ้มกัน ยังไม่พอ รวมทั้งป้องกันมิให้ผู้ใหญ่ที่มีภูมิฯ
บกพร่องไปติดเชื้อด้วย เรารู้ดีว่ารายได้จากอบายมุข ทำให้เงินสะพัดดี แต่ก็สะพัดความดี
มีคุณธรรมหายไปในเวลาอันรวดเร็วกว่าที่คิด(ได้)
กรุงเทพฯน่าจะเป็นที่อยู่ของผู้มีหิริ-โอตตัปปะเป็นอาภรณ์
มิควรเป็นเมืองอาเกียรณ์ด้วยธรรมอันเป็นบาปอกุศล ดุจอบายภูมิ ของหมู่เปรต
อสุรกาย... ฯลฯ เพราะว่าจะทำให้ผู้คนอยู่เป็นทุกข์ และยังประโยชน์ อันใหญ่ให้เสื่อมเสีย
ด้วยการนี้เป็นเหตุ ๙ วัน ๘ คืน พวกเราต่างตั้งปณิธาน เมื่อยังไม่บรรลุอิฏฐผล
(ผลอันน่ายินดีพอใจ) จักไม่หยุดความเพียรแน่นอน !
* กิจกรรมภายใน
อ.๓ ส.ถ่องแท้ วินยธโร เดินทางไปประเทศ อินเดีย
พ.๔ สมณะ-สิกขมาตุ ประชุม
พ.๔-ส.๗ ส.ฟ้าไท สมชาติโก มาจัดอบรมบูรณาการ การศึกษาบุญนิยมทั้งชุมชน
ศ.๖ สม.จินดา และผู้ใหญ่บ้านศีรษะอโศก น.ส.นวลขจร สุวรรณ เดินทางไปประชุมที่ศูนย์คุณธรรม
สถาบันฝึกอบรมผู้นำ เมืองกาญจน์ กลับวันที่ ๘ ม.ค.
ส.๗ (และทุกวันพระ) ญาติธรรมใกล้ไกล มาทำบุญและฟังธรรม
อา.๘ (และทุกวันอาทิตย์) ตรวจศีลทั้งชุมชน ยกเว้น อา.๒๒ ม.ค.
จ.๙ น.ส.ขวัญดิน สิงห์คำ และนายแก่นฟ้า แสนเมือง ไปร่วมประชุมวิสามัญที่สันติอโศก
พ.๑๑-พฤ.๑๒ นายเจ็ดแก้ว จากศูนย์สุรินทร์ มาเป็นวิทยากรแนะนำความรู้ด้านสุขภาพ
ให้ผู้เข้าอบรมฯ
ศ.๑๓ สมณะ-สิกขมาตุ ชาวชุมชน พร้อม นร.สส.ษ. ๓ คันรถ ไปร่วมงานฌาปนกิจศพ
คุณแม่เทียบ ละมูลมอญ โยมแม่สม. กล้าข้ามฝัน ที่ราชธานีอโศก
พฤ.๑๒-ศ.๑๓ ส.ผืนฟ้า นำทีมสื่อสาระ ออกเก็บภาพกิจกรรมเครือแห
ส.๑๔ ประชุมกลุ่มแกนหลักผู้นำชุมชน
-สมณะ ๔ รูป ลงอุโบสถ ทบทวนพระปาติโมกข์
ส.๑๔-อา.๑๕ งานมหกรรมกู้ดินฟ้า โดยกลุ่มเครือแหแกนหลักผู้นำชุมชน
อา.๑๕ สิกขมาตุ ๒ รูป ประชุมที่เขตหญิง
อา.๑๕-พฤ.๑๙ สมณะผืนฟ้า อนุตตโร และสมณะแก่นหล้า วัฑฒโน ไปกิจนิมนต์งานอบรมฯ
ที่ศูนย์ศรีโคตรบูรณ์อโศก จ.นครพนม
จ.๑๖ ส.ดินไท ธานิโย ส.ธาตุดิน ปฐวีรโส และส.ลึกเล็ก จุลลคัมภีโร นำ น.ร.สส.ธ.(ชาย)
ชั้น ม.๑ มาตอนกิ่งไทร
-ชาวชุมชนให้โอกาสเด็กๆ จัดงานวันเด็กกันเอง บันเทิงในขอบเขต
-สม.จินดา และผู้ใหญ่บ้าน (น.ส.นวลขจร) เดินทางไปสันติอโศก ร่วมสมทบกับสมณะณรงค์
ชินธโร สม.มาบรรจบ และ สม.รินฟ้า เพื่อเตรียม เดินทางไปดูงานขององค์กรการกุศลที่มีศาสนาเป็นแกนนำ
ที่ประเทศไต้หวัน
จ.๑๖-ส.๒๘ กลุ่มนักศึกษาแพทย์แผนไทย จากจังหวัดพิษณุโลก มาพักค้างเพื่อศึกษาดูงานด้านสมุนไพร
และวิถีชีวิตชุมชน คนพอเพียง รวม ๙ คน (๑๓ วัน ๑๒ คืน)
อ.๑๗ คณะคุรุและนักเรียน พร้อมชาวชุมชน ส่วนหนึ่ง รวม ๒ คันรถบัส เดินทางเข้ากรุงเทพ
ร่วมชุมนุมต้านน้ำเหล้า เข้าตลาด หลักทรัพย์ ไม่มีกำหนดกลับ
พฤ.๑๙ ส.ถ่องแท้ เดินทางกลับจากประเทศ อินเดีย สม.พึงพร้อมเดินทางกลับจากบ้านราชฯ
-ญาติธรรมจาก จ.เลย มาแวะพักค้าง
ศ.๒๐ สมณะ-สิกขมาตุ ประชุมวิสามัญ
-ชาวชุมชนศรีโคตรบูรณ์อโศก มานิมนต์รับส.ถ่องแท้ ไปรักษาที่ร.พ.จังหวัดอุดร
อาพาธ ด้วยโรคติดเชื้อทางระบบหายใจ
-ต้อนรับผู้มาดูงานจาก อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ๒๐ คน
ศ.๒๐ ส.ดินดี สันตจิตโต และส.กำแพงพุทธ สุพโล เป็นตัวแทนชาวชุมชนทั้งหมด
ไปร่วมงานศพโยมแม่ ส.ดวงดี ฐิตปุญโญ ที่ดอยรายปลายฟ้า จ.เชียงราย ซึ่งจะฌาปนกิจศพวันรุ่งขึ้น
จ.๒๓ สมณะ ๓ รูป นำคณะร่วมฌาปนกิจศพโยมอ่อน พาลี ที่ราชธานีอโศก
อ.๒๔ ส.ผืนฟ้า และส.แก่นหล้า ไปกิจนิมนต์ อบรมฯ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ
ที่ศูนย์ศรีโคตรบูรณ์ฯ กลับวันที่ ๓๐
พฤ.๒๖ ลูกหลานคุณพ่อเลื่อน และคุณแม่เสถียร บุญชู จากประเทศสวีเดน จ.อุบลราชธานี
อ.กันทรลักษ์ และอ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ มาร่วมทำบุญรำลึกถึงบรรพชน และเป็นวันรวมญาติของตระกูลบุญชู
ประจำทุกปี
ศ.๒๗ คณะพระภิกษุและฆราวาส จากร้อยเอ็ด ร่วม ๑๐๐ คน เยี่ยมเยือนชุมชน
-คณะครูและนักเรียน จาก ร.ร.อนุบาลศรีสะเกษ ชั้น ป.๔ นำนักเรียนมาทัศนศึกษาแหล่ง
เรียนรู้ของชุมชนวิถีพุทธ รวม ๓๖๐ กว่าคน
-ชาวชุมชน และนักเรียน สส.ษ. ส่วนหนึ่ง เดินทางไปร่วมงานฉลองหนาว ที่ภูผาฟ้าน้ำ
อ.๓๑ ชาวชุมชนและนักเรียนบางส่วนกลับจากเสร็จงานชุมนุม และทัศนศึกษาต่อที่กรุงเทพ
* อบรมหลักสูตรคนพอเพียงสู่ระบบเกษตรอินทรีย์
รุ่นที่ ๕ พฤ.๕-จ.๙ กลุ่มผู้นำชุมชน และเกษตรกรจากจ.ตราด, จ.ชลบุรี, อ.ปรางค์กู่
จ.ศรีสะเกษ, จ.ระยอง และจ.นครราชสีมา รวม ๕๒ คน
รุ่นที่ ๖ อ.๑๐-ส.๑๔ ข้าราชการจาก ๓ หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จ.สุรินทร์และจ.บุรีรัมย์ รวม ๑๓๗ คน
รุ่นที่ ๗ อ.๓๑-ส.๔ ก.พ. กลุ่มผู้นำชุมชนและเกษตรกรจาก จ.ยโสธร จ.อุดรธานี
จ.สุรินทร์ จ.มหาสารคาม และอื่นๆ รวม ๗๐ กว่าคน
* ข้อคิดสะกิดธรรม
เมืองฟ้าเมืองสวรรค์เท่านั้น มีทางบรรลุต่อไปนิพพาน พุทธะ ไม่เบ่งบานในอบายภูมิ
การบรรลุธรรมอันเลิศด้วยธรรมอันเลว ย่อมมีไม่ได้
แต่ว่า... การบรรลุธรรมอันเลิศ ย่อมมีได้ด้วยธรรมอันเลิศ
- สิกขมาตุทองพราย ชาวหินฟ้า -
# # # ศาลีอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
เหตุการณ์ ณ ช่วงเดือนนี้
เป็นไปตามปกติ แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เข้ามาเพิ่มสีสันทำให้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
คือเหตุการณ์ที่พวกเราไปร่วมกันคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาด
หลักทรัพย์ แรกๆก็ไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะห่วงเตรียมงานพุทธาฯมากกว่า จึงตอบปฏิเสธไป
แต่มีข่าวภายหลังว่า ธรรมกายถอนตัวมีแต่พวกเราเท่านั้นต้องการกำลังเพิ่มจึงตัดสินใจส่งนร.สส.ศ.และ
ญาติธรรมส่วนหนึ่งไปร่วม ข่าวเพิ่มเติมอีกว่างดงานเพื่อฟ้าดินแล้ว และพ่อท่านไปเทศน์ที่หน้าตึก
กลต.ทุกวัน จึงต้องส่งกำลังนิสิตม.วช. ชาวชุมชน รวมทั้งสมณะไปร่วมสมทบอีก
เรียกว่าวางมือการเตรียมงานพุทธาฯเอาไว้ก่อนแล้วกัน
* เหตุการณ์รายวัน
อ.๓ สมณะเน้นแก่น พลานีโก สิกขมาตุสร้างฝัน ชาวชุมชน และนร.สส.ศ.จำนวน ๖๐
คน เดินทางกลับสู่พุทธสถานศาลีอโศก
-สมณะมือมั่น ปูรณกโร เดินทางไปเยี่ยมสมณะนานุ่ม กัสสโก ที่จ.นครราชสีมา
และไปเยี่ยมโยมแม่ของ สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ ที่
จังหวัดเชียงราย
พ.๔ ประชุมชาวชุมชน เพื่อเตรียมงานพุทธาฯ, การศึกษา, และเตรียมไปร่วมงานเพื่อฟ้าดิน
ที่ชุมชนราชธานีอโศก
พฤ.๕ สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร และชาวชุมชนจำนวน ๑ รถตู้ เดินทางไปชุมชนเพชรผาภูมิ
กำแพงเพชร เพื่อศึกษาดูงาน เรื่อง "พลังงาน"
พฤ.๕-ส.๗ ม.วช.ถึงฝัน ปั้นวิชัย ไปศึกษาการทำบัญชีพรรคเพื่อฟ้าดิน ที่สาขา
๑๐ สันติอโศก
ส.๗ ประชุมพี่เลี้ยง คณะทำงานเตรียมงานอบรมข้าราชการและเกษตรกร
-สมณะเพื่อพุทธ สิกขมาตุรินฟ้า ไปกิจนิมนต์ที่สถาบันฝึกอบรมผู้นำ ของพลตรีจำลอง
ศรีเมือง จ.กาญจนบุรี
จ.๙ นิสิตถึงฝันและเพียรเพชรพานร.สส.ศ. ๓ คน ไปตรวจรักษาที่รพ.สวรรค์ประชารักษ์และซื้อของเพื่อจัดงานวันเด็ก
และงานอบรม
อ.๑๐ สมณะ พระอาคันตุกะ สิกขมาตุและชาวชุมชนจำนวนหนึ่งรถตู้ ไปร่วมฌาปนกิจ
บิดาของนิสิตม.วช.เชื่อพระ ที่วัดตะคร้อ บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
อ.๑๐-ส.๑๔ อบรมกลุ่มข้าราชการและแกนนำเกษตรกร ในหลักสูตร "เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง"
รุ่นที่ ๒ จากข้าราชการ ๓ จังหวัด คือ จ.อุตรดิตถ์
๓๓ คน จ.พิษณุโลก ๓๖ คน จ.สุโขทัย ๓๖ คน รวม ๑๐๕ คน และสมทบด้วยผู้นำเกษตรกรในหลักสูตรพัฒนา
เกษตรอินทรีย์ จ.นครสวรรค์ จำนวน ๓๐ คน
ส.๑๔ ประชุมสรุปงานอบรมและประชุมเตรียมจัดงาน"วันเด็ก"
ส.๑๔,๒๙ สมณะและพระอาคันตุกะลงอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์เสร็จแล้ว สมณะประชุมอปริหานิยธรรมต่อ
อา.๑๕ จัดงานวันเด็กประจำปี ๒๕๔๙ (เลื่อน ๑ วัน เพราะติดงานอบรม)
จ.๑๖ ประชุมเพื่อเตรียมไปร่วมงานเพื่อฟ้าดิน ที่ชุมชนราชธานีอโศก
อ.๑๗ ตัวแทนชาวชุมชน ๕ คน ไปฟังเรื่อง "ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน"(จปฐ)
ที่เทศบาลตำบลไพศาลี
-ประชุมชาวชุมชนเรื่องการไปร่วมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
ที่หน้าสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ฯ (กลต) ถ.วิทยุ กทม.
พ.๑๘ ชาวชุมชน ๑๐ คน และนร.สส.ศ. ๕๗ คน เดินทางไปร่วมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
-สมณะเพื่อพุทธ และสิกขมาตุรินฟ้า ไปดูงานที่ประเทศไต้หวันร่วมกับคณะทำงานของสถาบันฝึกอบรมผู้นำ
ในฐานะ ผู้บรรยายพิเศษ เป็นเวลา ๕ วัน
พฤ.๑๙ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ คณะมนุษยศาสตร์ จำนวน ๖ คน มาสัมภาษณ์หา
ข้อมูลวิถีชีวิตชาวชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง
สมณะเน้นแก่น และสิกขมาตุเทียนคำเพชร ให้การต้อนรับ
ส.๒๘ สมณะ-พระอาคันตุกะ และสิกขมาตุ ๒ รูป พร้อมชาวชุมชนและนักเรียนสัมมาสิกขาศาลีอโศก
ส่วนหนึ่งไปร่วมงานฌาปนกิจโยมแม่ของสิกขมาตุเทียนคำเพชร ณ วัดเขาช่องคีรี
อ.เมือง จ.นครสวรรค์
ส.๒๘-จ.๓๐ ประชุมคุรุและคุรุฐานงาน เพื่อให้คะแนนศีลเด่น เป็นงานแก่ นร.สส.ศ.
อ.๒๙ ประชุมพี่เลี้ยงเตรียมงานอบรมกสิกรจาก จ.เพชรบูรณ์ จำนวน ๘๐ คน ในหลักสูตร
"สัจธรรมชีวิต"
อ.๓๑ สมณะและสิกขมาตุ ประชุมอปริหานิยธรรม เพื่อการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
และอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก
* ข้อคิดสุดท้าย
การที่คนยังต้มตุ๋น หลอกลวงกันอยู่ได้ในทุกวันนี้ เป็นด้วยเหตุเพราะคนยังขี้โลภอยู่นั่นเอง
- สมณะเน้นแก่น พลานีโก -
จงชนะคนหยิ่งด้วยความสุภาพ
# # # สีมาอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
เดือนมกราคมเป็นเดือนต้นของปีใหม่
แม้อายุจะเพิ่มขึ้นแต่ใจเราไม่ทุกข์ ทุกคนอยู่กันมานานแล้ว ผู้ที่ยังไม่มาก็ขอให้มา
สีมาฯมีความสุขกันดี ร่วมกันคิดร่วมกันทำ เวลามีปัญหาอะไรก็ช่วยกันแก้ไข
มีสมณะเป็นหลักในการบริหารงาน
ต้นเดือนไปงานปีใหม่ตลาดอาริยะเป็นงานใหญ่แต่ละพุทธสถานและชุมชนมาช่วยกันทั้งน้ำใจ
ทั้งแรงงานและวัตถุ ใครมีอะไรก็นำมาช่วยกันอย่างมากมาย อาหารจานละบาท แจกน้ำใจไม่มีวันจนยิ่งให้ยิ่งมีความสุข
* การอบรม
อ.๑๐-ส.๑๔ อบรมเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานเกษตร ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (ข้าราชการเกษตรตำบล
อำเภอ) รุ่นที่ ๑ จาก จ.อุดรธานี และจ.หนองคาย จำนวน ๑๒๔ คน (ชาย๑๑๒ คน หญิง
๑๒ คน) งานอบรมครั้งนี้ สีมาฯต้องสู้มาก คนมีน้อย ทุกคนต้องหมุนตัวเองทำงานให้ได้หลายอย่าง
การอบรมครั้งนี้ได้ผล ผู้อบรมอยู่กันตลอด ๔ คืน ๕ วัน บางคนบอกว่าจะนำลูกน้องมาฝึกอย่างนี้บ้าง
พ.๒๕-อา.๒๙ อบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง รุ่นที่
๒ จาก จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ชัยภูมิ จำนวน ๑๒๘ คน (ชาย ๑๑๓ คน หญิง ๑๕ คน)
* เหตุการณ์ทั่วไป
อ.๓ สมณะ สิกขมาตุ และชาวสีมาพร้อมด้วยนักเรียน กลับจากงานปีใหม่ที่บ้านราชฯ
โดยรถไฟ และรถชะรอยฟ้า กับ รถช่วยชาติ
พฤ.๕ ประชุมกลุ่มเครือแห "วัง สี เมฆ" มีผู้ประสานงานการอบรมข้าราชการเกษตรฯมาประสานงานการอบรม
ให้ผู้เข้าอบรมลงชื่อในทะเบียน ทั้งเช้าและบ่ายในแต่ละวัน
ศ.๖ สมณะ สิกขมาตุ ประชุมพิเศษ
ส.๗ ส.เทินธรรม จิรัสโส นำนักเรียนจากบ้านราชฯมานำหินทรายกองไว้เพื่อนำไปบ้านราชฯในวันที่
๙ โดยคุณจริงจริง นำรถคันใหญ่จาก ศีรษะฯมาบรรทุกไป
อา.๘ ค่ำประชุมคณะศูนย์ฝึกอบรม เตรียมการอบรม ชาวเมฆาฯมารับ ส.พันเมืองไปดูการ
ก่อสร้างเรือนพัก ผู้จะเข้าอบรม
จ.๙ ชาววังน้ำเขียวมารับ ส.ธาตุดิน ปฐวีรโสไปช่วยงานอบรมที่วังน้ำเขียว
-ค่ำผู้เข้าอบรมบางคนล่วงหน้ามาก่อน (อบรมวันที่ ๑๐ - ๑๔)
พ.๑๑ ส.พอแล้ว สมาหิโต ส.ฟ้าแสง ปภากโร เดินทางจากสันติฯจะไปหินผาฯ ชัยภูมิ
แวะมาช่วยงานอบรมตลอดงาน
ศ.๑๓ ส.สร้างไท ปณีโต ส.นานุ่ม กัสสโก สม.เป็นหญิง ไปสมทบกับ ส.พันเมือง
ภทันโต และสมณะอีก ๓ รูป แสดงธรรม งานศพ แม่ยัน ก่ำรัมย์ อายุ ๘๔ ปี (แม่คุณธนาศักดิ์)
ที่บ้านหนองครอบ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ฌาปนกิจศพวัน เสาร์ที่ ๑๔ แล้วกลับ
ส.๑๔ บ่ายประชุมสรุปงานอบรมฯ เย็นสมณะลงปาติโมกข์ สิกขมาตุประชุมแจ้งข้อบกพร่อง
อา.๑๕ บ่ายประชุมชุมชนประจำเดือน เย็น สม.นวลนิ่ม เข้าสันติฯ พร้อมกับรถส่งของคุณพลังใจ
คุณหินจริงขับรถไปให้มีนักเรียนสัมมาสิกขาไปด้วย ๓ คน อยู่ประชุมพาณิชย์บุญนิยม
วันรุ่งขึ้น
จ.๑๖ ชาวสีมาฯ และนักเรียน นำโดยคุณติ๋ว(เย็นใส) ๒ คันรถตู้ ไปร่วมชุมนุมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาด
หลักทรัพย์ ที่หน้าอาคารตลาดหลักทรัพย์ ข้างสถานทูตอเมริกัน ถนนวิทยุ ตรงข้ามสวนลุมพินี
ค่ำกลับ
อ.๑๗ คุณเย็นใส และคณะเดิม ๒ คันรถตู้ไปร่วมชุมนุมคัดค้านฯต่อ สม.เป็นหญิงเข้า
ไปสันติฯด้วย อยู่ถึงวันที่ ๒๓ สม.นวลนิ่ม คุณติ้ง(พลังใจ) คุณหินจริง นำนักเรียนกลับสีมาฯ
เพื่อเตรียมการอบรมข้าราชการเกษตรฯรุ่นที่ ๒ สม.เป็นหญิง คุณติ๋ว คุณหนูดี
ยังอยู่ร่วม ชุมนุมฯ
ศ.๒๐ คณะศูนย์ฝึกอบรมฯประชุมเตรียมการอบรม ข้าราชการเกษตรฯ สม.นวลนิ่ม คุณ
พลังใจ คุณหินจริง นำของแปรรูปกลับมาและแจ้งเรื่องการชุมนุมคัดค้าน แล้วกลับไปสันติฯ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น พร้อมกับสินค้าบางอย่าง และเครื่องคอมฯที่จะนำไปแก้
ส.๒๑ คณะ อ.ส.ม.(อาสาสมัครสาธารณสุข) จาก อ.เมือง จ.ชุมพร จำนวน ๕๐ คน มาขอ
เยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน
อ.๒๔ เจ้าหน้าที่เกษตรและสหกรณ์นำคณะเกษตรกรจากบ้านเสาเดี่ยว ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย
จ.นครราชสีมา จำนวน ๒๕ คน มาเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน ข้าราชการเกษตรฯผู้เข้าอบรมรุ่นที่
๒ บางคนมาก่อนวันเปิดอบรม ส.แก่นผา สารุปโป ส.ดินไท ธานิโย ส.ลึกเล็ก จุลลคัมภีโร
ส.ธาตุดิน ปฐวีรโส จาริกจากบ้านราชฯ มาช่วย งานอบรมฯ
พ.๒๕ สม.มาลินี จากสันติฯมาช่วยงานอบรมฯ สม.เป็นหญิง คุณติ๋ว คุณหนูดี คุณด้วง
ร่วมเดินทางมาด้วยรถขยะทอง ขับโดย น.ส.สมบูรณ์ อุดมวงษ์
พฤ.๒๖ ส.แก่นผา ส.ดินไท แสดงธรรมรับอรุณแล้ว เดินทางไปภูผาฟ้าน้ำเพื่อร่วมงานฉลองหนาว
ศ.๒๗ สม.นวลนิ่ม สม.มาลินี แสดงธรรม รับอรุณแล้วเดินทางเข้าสันติฯ สม.นวลนิ่มจะไปดูแลสม.สดใส
ซึ่งจะเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด
-ค่ำ ส.ฟ้าแสง ปภากโร คุณกมล เดินทาง ขึ้นเชียงใหม่เพื่อร่วมงานฉลองหนาว
และประชุมพรรคเพื่อฟ้าดิน สาขาเชียงใหม่
เดือนนี้ได้สร้างโรงทำปุ๋ยให้ดูเป็นมาตรฐาน และได้รื้อเรือนพักหญิง เพื่อสร้างใหม่เตรียมต้อนรับผู้เข้าอบรม
* ข้อคิดสุดท้าย
ชาวอโศกกำลังมีงานมาก ต้องทำทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านควบคู่กันไป ต้องมีศีล
มีสติรู้ตัวเองเสมอ ต้องขยันทำงานให้เป็นหลายอย่าง รู้ทั้งคน รู้ทั้งงาน
อย่าทำงานจนลืมกิน ลืมบริหารร่างกาย อย่าลืมยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
- สม.หยาดพลี อโศกตระกูล -
# # # ภูผาฟ้าน้ำ
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
อย่าคาดหวัง อย่าเรียกร้อง
ให้มองตน ฝึกตนเป็นคนจัณฑาล ทำงานประสานหมู่กลุ่ม หมั่นประชุม หมั่นปรึกษา
มาคุมกรรม ๓ ความคิดทรามรีบปรับเปลี่ยน(มิจฉาสังกัปปะ) เรียนฝึกฝนอดทนปฏิบัติตามหลักโพธิปักขิยธรรม
๓๗ ประการ เป็นความงดงามของชาวพุทธแท้
อย่าคาดหวัง งานฉลองหนาวฯ ฉลองปัญญา สมโภชปีนี้ กว่าจะชัดเจนว่าจัดแน่ก็วันที่
๒๕ ม.ค. '๔๙ เพราะชาวภูผาฯ ก็ไปร่วมคัดค้านเบียร์เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์
* เหตุการณ์ทั่วไป
อ.๓,๑๐,๑๗,๒๔,๓๑ สมณะอปริหานิยธรรม
ส.๗ สมณะ ๒ รูป นำโดย สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ แสดงธรรมกับกลุ่มผู้อายุยาว
โครงการอเทวนิยม อบรมคุณธรรม ครั้งที่ ๒๗ และประชุมกลุ่มผู้อายุยาว ที่ลานนาอโศก
อา.๘,๒๒ สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ สมณะสู่สูญ สุญญคโต แสดงธรรมที่ ชมร.ชม.
อ.๑๐ พระพัฒนา จากศูนย์พุทธธรรมหนองฮ่อ นำ น.ศ.มหาวิทยาลัยราชภัฏฯ และ นร.พุทธธรรมหนองฮ่อ
๓๕ คน มาดูงาน การศึกษา
ศ.๑๓ อ.๑(สมณะบินบน ถิรจิตโต) และปัจฉาฯ ประชุมคณะกรรมการ ชุมชนภูผาฯ ที่ศาลาบรรพชน
ส.๑๔ สมณะฟังปาติโมกข์
-สมณะ ๓ รูป นำโดย อ.๑ ประชุมคุรุ
-ประชุมชุมชนภูผาฯ
วันนี้มีการจัดวันเด็กอย่างเรียบง่าย ก่อนฉัน สมณะลานบุญ วชิโร แสดงธรรม
จากนั้นอ.๑ แจกรางวัลใบชมชื่น ระดับอนุบาล ถึงมัธยม ปลาย สุดท้าย น.ส.อรวรรณ
เลิศทรัพย์สุรีย์ อ่านเรียงความวันเด็ก
อา.๑๕ สมณะลานบุญ วชิโร และ ส.ณ.ขาวดี พุทธชาตินิยม แสดงธรรม ที่ชมร.ช.ม.
ส.๒๑ สมณะ ๗ รูป นำโดย อ.๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) และญาติธรรม คนวัดมาร่วมงานฌาปนกิจศพโยมแม่จันทร์
จันวัน อายุ ๙๖ ปี โยมแม่ของสมณะดวงดี ฐิตปุญโญ ที่ชุมชนดอยรายปลายฟ้า เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้
พฤ.๒๖ วันสุกดิบ ของงานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๔/๖ วันนี้เริ่มเปิดตลาด
อาริยะ ขายเสื้อและผ้าห่ม
ศ.๒๗-จ.๓๐ งานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ปิตุบูชาปัญญาสมโภช พ่อท่านครบ ๗๒ ปี
งานนี้เป็นงานเรียบง่าย สบายๆ ไม่มีทำวัตรเช้า การแสดงธรรมเปิดเวทีกลางแจ้ง
ให้สมณะ หรือญาติธรรมมาแสดงธรรม หรือพูดธรรมะได้ ตั้งแต่ ๗ โมงเช้าถึงสองทุ่มครึ่ง
เพื่อเป็นการแสดงปัญญาสมโภช มีการเปิดตลาดอาริยะ (ขายเสื้อ ผ้าห่ม น้ำมันพืช
ซีอิ๊ว) มีโรงบุญมากมาย มีการแข่งขัน กีฬาอาริยะ (เก็บผักป่า เก็บฟืน จักตอก
ผ่าฟืน สีข้าว ตักทราย) ชาวหัวเลาก็มาร่วมการแข่งขัน แถมในงานนี้มีการตรวจหาสารพิษ
ในเลือดด้วย
อา.๒๙ สมณะลานบุญ วชิโร สมณะตรงมั่น อุชุจาโร ประชุมคุรุ
จ.๓๐ สมณะดวงดี สมณะลานบุญ แสดงธรรมหน้าศพโยมแม่บัวผัด รวมชัย อายุ ๘๒ ปี
ที่ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน
อ.๓๑ สมณะ �๑๕ รูป นำโดยสมณะดินดี สันตจิตโต ไปร่วมงานฌาปนกิจศพ โยมแม่บัวผัด
รวมชัย ที่สุสานบ้านศรีสุพรรณ ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน
ขอฝากคำคมพ่อท่าน ว่าไว้
อุปสรรค และงานหนัก ยิ่งพิสูจน์คน
- สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ -
# # # ราชธานีอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
เดือนแรกของปีหมาดุ...อากาศก็ดุ
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น-หนาวเหน็บ-แถมลมแรง...มีงานฌาปนกิจศพผู้อายุยาวในเวลาไล่เลี่ยกัน
๒ ศพ เหตุจากพยาธิมารดุ... "งานเพื่อฟ้าดิน" ถูกเลื่อนฉับพลันอย่างไม่มีกำหนด!!
เพราะมีงานช้างใหญ่กว่า คือ งานคัดค้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
ช่วงนี้น้ำในบุ่งและแม่มูลลดลง ทำให้ริมมูลมีพื้นที่ ในการเพาะปลูก พืชผักได้มากขึ้น
และในพื้นที่อื่นๆ แม้ข้างๆ บ้านหรือบริเวณตลาดอาริยะ เพาะปลูก พืชผัก เพื่อต้อนรับ"งานเพื่อฟ้าดิน"ด้วย
...ช่วงเช้า ทุกวันสมณะนวกะเรียนพระธรรมกับอุปัชฌาย์ติกฺขวีโร ช่วงบ่ายสมณะช่วยกันทำ
๕ ส. และสรุปสภาวธรรม ร่วมกัน...
* เหตุการณ์รายวัน
อา.๑,จ.๒ งานตลาดอาริยะปีใหม่ ๒๕๔๙
พ.๔ ช่วงเย็น ชาวชุมชนประชุมสรุปงานปีใหม่ฯ
พ.๔,อ.๑๐ หมู่สงฆ์ประชุมอปริหานิยธรรม
พฤ.๕-จ.๙ งานอบรมเยาวชนคนสร้างชาติ นักเรียนระดับชั้น ม.๑-ม.๓ จำนวน ๒๓๐
กว่า คน จาก จ.สุรินทร์ ๓ โรงเรียน
ส.๗ โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม(การจัดการทรัพยากรฯ) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
จำนวน ๒๐ คน นำโดย อาจารย์วาสนา ปะโมนะตา มาศึกษาเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน
-นางนวลจันทร์ อ้วนไตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิชาการ นำคณะครูอาจารย์และนักศึกษาโรงเรียนเทคโนโลยีมุกดาหาร
จำนวน ๑๑๕ คน มาศึกษาดูงานวิถีชุมชน
จ.๙-ศ.๑๓ นางสาวยุพารัตน์ เรืองดำ จาก องค์กรกรีนเวย์ นำอาสาสมัครชาวต่างชาติ
ได้แก่ เกาหลี เยอรมัน อเมริกา จำนวน ๘ คน มาศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชน
อ.๑๐ นางเทียบ ละมูลมอญ อายุ ๗๐ ปี โยมแม่สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็ง
มาพักรักษาตัวที่บ้านราชฯ ประมาณ ๑ เดือน เสียชีวิต เวลา ๐๕.๑๕ ของวันนี้
ณ บ้านสุขภาพ ในชุมชน
อ.๑๐-ส.๑๔ งานอบรมเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ จำนวน ๑๑๐ คน จาก จ.ยโสธร จ.มุกดาหาร
และ จ.ศรีสะเกษ
พ.๑๑ พัฒนาการอำเภอเมืองอำนาจเจริญ และคณะชาวบ้าน จำนวน ๖๐ คน มาศึกษาดูงานตามโครงการส่งเสริมการยกระดับรายได้ครัวเรือนยากจน
เพื่อดำเนินชีวิตแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียง
พฤ.๑๒ กิจนิมนต์ทำบุญบ้านคุณฝั่งบุญ ที่อ.หัวตะพาน สมณะ ๘ รูป สิกขมาตุ ๒
รูป นำโดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร
นางฉวีวรรณ วิลามาศ และนางภาวนา ไตรพิพัฒน์ เจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์
พื้นที่ ๒ มาตรวจเยี่ยม ผลการดำเนินงาน ตรวจการสหกรณ์ และเสวนากับสมาชิก
ถึงปัญหาอุปสรรคของสหกรณ์
ศ.๑๓ เวลาบ่าย ๓ โมง เผาศพนางเทียบ ละมูลมอญ โยมแม่สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน ณ
บริเวณ ป่ายาง ริมมูล
ส.๑๔,อา.๒๙ หมู่สงฆ์ลงสวดพระปาติ โมกข์
อา.๑๕-พฤ.๑๙ งานอบรมเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ จำนวน ๑๓๐ คน จาก จ.มหาสารคาม
และ จ.ขอนแก่น
อ.๑๗ อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ อาศรม มาตา อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา และคณะรวม
๔ คน มาศึกษาเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน
พ.๑๘ นายสวัสดี กินรี พัฒนากร จาก จ.อำนาจเจริญ นำผู้เข้าอบรมเข้าศึกษาดูงาน
เพื่อ ปรับฐานความคิดให้เกิดการช่วยหลือตัวเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
-นายสมชาติ ทะนันชัย โรงเรียนกระแชงวิทยา นำคณะครู ๒ คน และนักเรียน ๖๐ คน
มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน
พฤ.๑๙ ชาวชุมชนส่วนหนึ่ง เดินทางไปร่วมชุมนุมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
ที่หน้าตลาด หลักทรัพย์ กทม.
ส.๒๑ นางอ่อน พาลี อายุ ๘๕ ปี อดีตแม่บ้านหลวงปู่ผิว พาลสุริโย เสียชีวิตแล้วเช้านี้
-สมณะ, สิกขมาตุ ไปบิณฑบาต สมาชิกชมรมพลังไฟฟ้าจักรวาล ประมาณ ๑๐๐ คน ในตัวเมืองอุบลฯ
-นายบุญมี เนื้ออ่อน หัวหน้าสถานีอนามัย คำหนามแท่ง ต.นาควาย อ.ตาลสุม และคณะจำนวน
๖๐ คน มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน
อา.๒๒ ดร.กังวาน ธรรมแสง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นำนักศึกษาชั้นปีที่
๔ ที่จะสำเร็จการศึกษา จำนวน ๖๐ คน มาทัศนะศึกษาดูงานเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน
-ย้ายต้นไทรใหญ่มหึมา ขนาด ๗ คนโอบ! จากโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิ์ฯ มาปลูกใกล้ซุ้มหินพญาแร้ง
จ.๒๓ คณะอาจารย์ ๓ ท่าน และคณะนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลมหาสารคาม ชั้นปีที่
๑ จำนวน ๑๑๖ คน มาทัศนศึกษาดูงาน เรียนรู้ วิถีชุมชน
-เวลาบ่าย ๒ โมง มีงานฌาปนกิจศพนางอ่อน พาลี อดีตแม่บ้านหลวงปู่ผิว ณ บริเวณป่ายาง
ริมมูล
-สมณะ, สิกขมาตุบางรูป เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมชุมนุมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
อ.๒๔ คณะฝึกอบรมส่งเสริมการยกระดับรายได้ครัวเรือน โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
จากสำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอเขื่องใน จำนวน ๑๐๐ คน มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานเรียนรู้วิถีชีวิต
ชุมชน
ศ.๒๗ ชาวชุมชนส่วนหนึ่งไปร่วมงานฉลองหนาว ที่ภูผาฟ้าน้ำ ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง
จ.เชียงใหม่
-โทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง ๓ มาถ่ายทำวิถีชีวิต นายตายแน่ มุ่งมาจน
จ.๓๐ ชาวสวีเดน ๒ คน มาอยู่ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน เป็นเวลา ๗ วัน
-เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยวังกางฮุง มาตรวจสุขภาพ และแนะนำการดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
แก่นักเรียนสส.ธ.
* ข้อคิดสุดท้าย
"หนึ่งถูก ดีกว่าล้านผิด
หนึ่งสู้ ดีกว่าล้านถอย" (ท่านจันทร์)
- สมณะกล้าตาย ปพโล -
# # # สังฆสถานทักษิณอโศก
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
เดือนแรกของปี'๔๙ ชาวทักษิณอโศก
ชุมชนเล็กๆ ของภาคใต้ แม้ไม่ได้มีงานอบรมสักรุ่นแต่ก็ทำงานเต็มที่ ทั้งไปร่วมงาน
ตลาดอาริยะ เกี่ยวข้าว ไปร่วมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์
จึงได้บำเพ็ญบารมีกันทั้งเดือนทีเดียว
อา.๑ ญาติธรรมที่มาร่วมทำบุญปีใหม่ที่วัด
ร่วมกันรวมแรงทำความสะอาดบริเวณวัด กุฏิ เพื่อรอการกลับมาของคณะที่ไปร่วมงานตลาดอาริยะ
จ.๒ผู้ฟังวิทยุชุมชน(อดีตนายอำเภอห้วยยอด) พร้อมครอบครัวมาเยี่ยมและนำอาหารมาร่วมทำบุญ
อ.๓ ลูกเขยโยมแผ้ว มาวาดรูปที่ผนังโรงครัว เพื่อให้ดูมีสีสันขึ้น
ศ.๖ คุณประนอม รักขาว มาช่วยวางแผน สร้างที่พักฝ่ายชายหลังใหม่
ส.๗ ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อฟ้าดิน สาขาที่ ๑๒ จ.ตรัง
-สมณะ ๓ รูปเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่มชเลขวัญและธรรมชาติอโศก
ศ.๑๓ รวมแรงกันไปไล่นกกุลาเป็นฝูงๆที่ลงจิกกินข้าวในนา มีญาติธรรมที่มาจาก
จ.เลย นำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาเผยแพร่โดยใช้ผ้าหลากหลายสีไปผูกกับไม้ไผ่
เมื่อลมพัดจะพลิ้ว ทำให้นกกลัว และใช้ปะทัด จุดไล่ด้วย
ส.๑๔ อดีตนายอำเภอห้วยยอดและภรรยามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อฟ้าดิน
อา.๑๕ ชาวชุมชน เดินทางไปที่บ้านคุณสมพร ยอดระบำ ที่ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช
เพื่อถ่ายทำวีซีดี และรวมแรงกันถางวัชพืชในไร่พริกไทย
จ.๑๖ ประชุมประจำเดือนชุมชน
อ.๑๗ ส.เลื่อนฟ้า สัจจเปโม ไปกิจนิมนต์งานศพพี่สาวคุณนรี ที่ จ.สงขลา
พ.๑๘ ส.ลั่นผา สุชาติโก และชาวชุมชน รวม ๑๕ ชีวิต เดินทางไปร่วมชุมนุมคัดค้านการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาด
หลักทรัพย์
ส.๒๑ ชาวชุมชนบางส่วนจำเป็นต้องกลับมาก่อน เพื่อเกี่ยวข้าวที่สุกงอมแล้ว
อา.๒๒ อดีตนายอำเภอห้วยยอดและภรรยามาช่วยชาวชุมชนเกี่ยวข้าว
พฤ.๒๖เพื่อนพระ(เถรสมาคม)ของส.เลื่อนฟ้า สัจจเปโม พร้อมคณะญาติโยมสิบกว่าคน
มาค้างหนึ่งคืนเพื่อไปรอรับ พัดยศ ที่วัดสระกระพัง
สุรินทร์
-ชาวบ้านสะทิงพระ จ.สงขลา แวะเยี่ยมชุมชน ๑ คันรถบัส มีพระ ๑ รูป ร่วมฉันเพลด้วย
ส.๒๘ รวมแรงกันเทปูนสร้างที่พักฝ่ายชายจนมืด
อา.๒๙ สมณะ ๔ รูป ร่วมลงอุโบสถฟังสวด พระปาติโมกข์
จ.๓๐ สมณะสัจจเปโม ไปกิจธุระที่ จ.สตูล ค้างหนึ่งคืน
อ.๓๑ สมณะ ๒ รูป (ส.กล้าดี - ส.ดินทอง) และชาวชุมชนไปติดตามประเมินผลที่ผ่านการอบรมที่
อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีฯ ค้างหนึ่งคืน
* คติส่งท้าย
การไม่ใช้ความรุนแรง เป็นพลังยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์มี อหิงสามีอำนาจยิ่งกว่าศัสตราวุธ
ใดๆที่มนุษย์จะคิดค้นได้ การทำลายมิใช่เป็นกฎของมนุษยชาติ มนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างอิสระด้วยการฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองไม่ได้
การฆ่าหรือการทำร้ายผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
จากหนังสือโลกทั้งผองพี่น้องกัน หน้า ๒๑๒
โดย มหาตมะ คานธี
- สมณะลั่นผา สุชาติโก -
# # # หินผาฟ้าน้ำ
ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๔๘
ในช่วงเดือนธันวาคม ทางชุมชน"หินผาฟ้าน้ำ"
อากาศหนาวจัดในตอนกลางคืนและร้อนจัดในกลางวัน ในขณะนี้ ชาวหินผาฯ ต้องเตรียมประชุมจัดงานโรงบุญ
๕ ธันวามหาราช (วันพ่อแห่งชาติ) และเตรียมงานในพื้นที่เพื่อต้อนรับ งานบุญลอมข้าว
(บุญขวัญข้าว) ซึ่งถือว่าเป็นงานสำคัญประจำปีของชุมชน เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมการลงแขกแรงงานบุญนิยม
ให้กลับมาอีกครั้ง
เหตุการณ์ในเดือนนี้ ๑-๔
ธ.ค. ๔๘ ส.ดงดิน สุนทโร นำเด็กสัมมาสิกขาไปขนฟางในผืนนาบริเวณ ข้างเคียงชุมชนฯ
หลายสิบ คันรถ ๖ ล้อ เพื่อปูให้เต็มลานพื้นที่ของงานบุญลอมข้าว ชาวชุมชนช่วยกันจัดเวทีธรรมชาติ
ลานชุมชน และโยมสุขสันต์ ติดต่อรถเกรด-บดถนน ของร.พ.ช.มาถมถนน-เกรดและบดถนนทางเข้าออกชุมชน
เพื่อต้อนรับผู้ว่าฯ ชัยภูมิ และญาติธรรมที่เดินทางร่วมงาน
จ.๕ วันพ่อแห่งชาติ ชาวชุมชน
จัดตั้งโรงบุญ ๕ ธันวามหาราช ที่หน้าตลาดเทศบาลแก้งคร้อ โดยเชิญท่านนายอำเภอ
แก้งคร้อ เป็นประธานเปิดโรงบุญฯ มีพ่อค้า ประชาชน ข้าราชการ มาร่วมงานอย่างอบอุ่น
แถมวัฒนธรรมผู้ให้ไหว้ผู้รับอย่างอ่อนน้อม เป็นภาพที่งดงามยิ่ง
อ.๖-ศ.๙ สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว ไปร่วมงานอบรม "สัจธรรมชีวิต"
ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้าย มี เกษตรกรจาก อ.วังสะพุง อ.ผาขาว และอ.เมือง จ.เลย
เข้าร่วมรับอบรมประมาณ ๙๖ ชีวิต จบการอบรมแล้ว มีการติดกัณฑ์เทศน์ ด้วยการลด
ละ เลิกอบายมุข
ส.๑๐ น.ศ.กลุ่มรามบูชาธรรม (นศ.ปธ.) จำนวน ๓๖ คน มาช่วยเตรียมงานบุญลอมข้าว
ครั้งที่ ๙
ส.๑๐-พ.๑๔ สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว สมณะพอแล้ว สมาหิโต ร่วมงานอบรมผู้นำเกษตรอินทรีย์
กำนัน+ผู้ใหญ่บ้าน อ.บ.ต. แกนนำ ชุมชน เข้ารับการอบรม จำนวน ๖๔ คน ที่ชุมชน
ศูนย์ฝึกอบรม "แก่นอโศก" อ.เมือง จ.ขอนแก่น
อ.๑๓-พ.๑๔ เชิญท่านผู้ว่าฯชัยภูมิ เป็นประธาน เปิดงานบุญลอมข้าว พ่อท่านแสดงธรรมก่อนฉัน
รายการเอื้อไออุ่น และมีวัฒนธรรม การฟาดข้าว ฝัดข้าว โดย นศ.ปธ. เข้าค่ายจริยธรรมหนุ่มสาวเหตุการณ์
บรรยากาศอบอุ่น อย่างยิ่ง โดยมีผู้มาร่วมงาน ประมาณ ๖๐๐ คน
ส.๑๗-พ.๒๑ งานอบรมแกนนำเกษตรกร จำนวน ๕๗ คน
* คติธรรมเดือนนี้
เอาแต่สบายอ่อนแอ พ่ายแพ้เรื่อยไป ทำอะไรไม่สำเร็จ
แต่หากเพียรพยายามอดทนทุกขณะ จะชนะเรื่อยไป
- สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว -
หน้า ๑๐๓
สรุปรายงานการประชุมองค์กรต่างๆ ของชาวอโศก
# # #
สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิธรรมสันติ
E-mail: [email protected]
ครั้งที่ ๑/๒๕๔๙ (๑๕ มกราคม ๒๕๔๘)
-กรรมการขาดประชุม ๖ คน
-รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๔๘ และให้แก้ไขรายงานการประชุมวิสามัญ
ครั้งที่ ๓/๒๕๔๘
-โรงเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก (สส.สอ.) มีคณาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีมาดูงาน
พานักเรียน ไปทัศนศึกษา ในวันเด็กแห่งชาติ ร่วมกับชมรมสัมมาสิกขาพุทธธรรมจัดงานวันเด็ก
ณ ชุมชนสันติอโศก ในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๙ พานักเรียนไปร่วมคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
กำหนดไปร่วมงานฉลองหนาว ที่ชุมชน ภูผาฟ้าน้ำ ในวันที่ ๒๗-๓๐ มกราคม ๒๕๔๙
จะไปเตรียมงานพุทธาภิเษกฯที่พุทธสถานศาลีอโศก อ.ไพศาลี นครสวรรค์ ในวันที่
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ พานักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ ๓, ๕ ไปทัศนศึกษา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ระหว่างวันที่ ๖-๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
-อาคารตะวันงาย ๒ บริจาคเงินให้ชุมชนสันติอโศก ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อซื้อสินค้าไปจำหน่าย
ในตลาดอาริยะปีใหม่ ที่หมู่บ้าน ราชธานีอโศก และร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดโรงบุญมังสวิรัติในวันที่
๒ ธันวาคม ๒๕๔๘ ที่ร้านชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขาหน้าสันติอโศก
-ฝ่ายธรรมรูป ปฏิทินปีใหม่ พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ของชุมชนราชธานีอโศกผิด ให้แก้ไขเป็น
๐๔๕-๒๔๗๒๒๒
-ได้รับหนังสือเอกสารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
กำหนดการประชุมครั้งต่อไปวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เวลา ๑๓.๐๐ น.
ณ สันติอโศก
# # #
สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการกองทัพธรรมมูลนิธิ
E-mail: [email protected]
ครั้งที่ ๑/๒๕๔๙ (๑๕ มกราคม ๒๕๔๙)
- กรรมการขาดประชุม ๑๐ คน
- ชุมชนราชธานีอโศก ผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่าการขอใบอนุญาตตั้งโรงเรียนสัมมาสิกขาราชธานีอโศก
โรงเรียนได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาเอกชน(สช.) แล้ว
เพื่อขอแก้ไขใบอนุญาต จัดตั้งโรงเรียน ที่เขตการศึกษาที่ ๔ ออกให้ผิดพลาด
ซึ่งต้องรีบดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
-กำหนดการประชุมครั้งต่อไป วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เวลา ๑๓.๐๐
น. ณ สันติอโศก
# # # สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม
E-mail: [email protected]
ครั้งที่ ๑/๒๕๔๙ (๑๕ มกราคม ๒๕๔๙)
-กรรมการขาดประชุม ๘ คน
-ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขา หน้าสันติอโศก (ชมร.สตอ.) และสาขาจตุจักร
(ชมร.กทม.) และสาขาเชียงใหม่ (ชมร.ช.ม.) รายงานกิจกรรมที่ผ่านมา
-ร้านอาหารแผง ๒๒ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปิดร้านเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๘-
๒ มกราคม ๒๕๔๙ เพื่อร่วมงานปีใหม่ที่ชุมชนราชธานีอโศก และจัดโรงบุญ ๕ ธันวามหาราช
ที่จังหวัดสุรินทร์ในวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๔๙
-ทะเบียนสมาชิกสมาคมฯ ปัจจุบันมีสมาชิกรวม ๙,๘๑๒ คน แยกเป็นสามัญ ๙,๐๘๖ คน
สมาชิกกิตติมศักดิ์ ๗๒๖ คน
-ห้องสมุดสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม สถิติการใช้บริการเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๘ -มกราคม
๒๕๔๙ ผู้ใช้บริการ ๘๘๙ คน ยืมหนังสือ ๑๙๑ เล่ม เปิดทำการ ๕๐ วัน สมาชิกใหม่
๖ คน ได้รับอภินันทนาการหนังสือจากหน่วยงานในชุมชนสันติอโศก อาทิ บ้านอโรคยา
สำนักพิมพ์กลั่นแก่น มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน และ ธรรมทัศน์สมาคม
-กลุ่มวังจันท์พฤกษา รายงานบัญชีรายรับ-รายจ่าย ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๔๘ และกิจกรรม
อาทิ ร่วมกันลงแขกทำเกษตร จัดงานโรงบุญ ๕ ธันวามหาราช ร่วมออกร้านจำหน่ายในงานตลาดอาริยะปีใหม่ที่ชุมชนราชธานีอโศก
อ.วารินชำราบ อุบลราชธานี
-กลุ่มวนเกษตร ชลบุรี ร่วมออกร้านในตลาด อาริยะปีใหม่ที่ชุมชนราชธานีอโศก
-อนุมัติให้นายหิรัญ เกิดผล เป็นเจ้าบ้านเลขที่ ๕๘/๓ หมู่ที่ ๓ ต.หอแดง อ.ท้ายเหมือง
จ.พังงา ของกลุ่มชเลขวัญ โดยสมาคมผู้ปฏิบัติธรรมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้
-อนุมัติให้นายวิรัช อนวัชมรรคา พักอาศัยชั่วคราวเป็นเวลา ๑ ปี ณ บ้านของชมรมนักศึกษา
ผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งชมรมนี้สังกัดสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ ณ ชุมชนปฐมอโศก
ต.พระประโทน อ.เมือง นครปฐม
-ได้รับจุลสารมูลนิธิโรคข้อ ปีที่ ๑๘ ฉบับที่ ๔ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๔๘ จำนวน
๑ ฉบับ
-กำหนดการประชุมครั้งต่อไป วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ณ สันติอโศก
# # #
สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการธรรมทัศน์สมาคม
E-mail: [email protected]
ครั้งที่ ๑๑/๒๕๔๙ (๑๕ มกราคม ๒๕๔๙)
-กรรมการขาดประชุม ๕ คน
-หนังสือจำหน่ายดีได้แก่ นาฬิกาชีวิต ของ อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา, เวลาชีวิต
โดย ล้อเกวียน, ถอดรหัสสุขภาพของ หมอใจเพชร เทปจำหน่ายดี ได้แก่ ชุดธรรมคีตะ
เสียงปลุก เสียงปลง เสียงธรรม เอ็มพี ๓ จำหน่ายได้ดี ได้แก่ธรรมบรรยายของ
ท่านสมณะโพธิรักษ์
-กำหนดเปิดทำการ ๒ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๖.๐๐-๐๙.๐๐ น. และ ๑๑.๐๐-๑๗.๐๐ น.
เริ่มตั้งแต่ วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๙ เสาร์-อาทิตย์เปิดบริการ ๐๖.๐๐-๑๗.๐๐
น. ไม่มีพักช่วง
-สรุปการออกร้านในตลาดอาริยะปีใหม่ที่ชุมชนราชธานีอโศก โดยรวมร้านสื่อสารบุญนิยม
๑๐ หน่วยงาน เพื่อจำหน่ายสื่อสาระในราคาต่ำกว่าทุน
-อนุมัติให้ของบสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข(อย.) เพื่อจัดทำรายการวิทยุ
รับผิดชอบโดย ท่านเสียงศีล ออกอากาศ ๕ สถานี
-ร่วมคัดค้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กำหนดการประชุมครั้งต่อไป วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เวลา ๑๓.๐๐ น.
ณ สันติอโศก
# # #
สรุปรายงานการประชุม
คณะกรรมการบริษัทแด่ชีวิต จำกัด
ครั้งที่ ๖/๒๕๔๗ (๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘)
-กรรมการขาดประชุม ๒ คน
-รับรองบัญชีรายรับ-รายจ่าย ประจำเดือนกันยายน ๒๕๔๘
-สรุปการดำเนินงานช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก
-การจัดซื้อเครื่องใช้สำนักงานมี ๓ บริษัทมาประมูลราคา โดยบริษัทจะคัดเลือกด้านราคา
การประกันสินค้า และการบริการ หลังการขาย
- น.ส.นภวรรณ และ นางเพ็ญพร เล่าประสบการณ์ไปศึกษา ดูงานที่โรงเรียนคานาอาน
ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีส่วนเหมือน ชาวอโศก คือ ทำงานให้มาก รับเงินเดือนน้อย,
วิธีการสอนสอนโดยผู้ที่ปฏิบัติได้แล้ว ไม่ใช่สอนแค่หลักวิชาการ
-ปรับเงินเดือนขั้นต่ำเป็น ๔,๘๐๐ บาท ตามกฎหมายแรงงาน
-กำหนดปิดร้านเพื่อร่วมงานมหาปวารณา ระหว่างวันที่ ๕-๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
-มีการต่อเติมชั้นลอยเต็มพื้นที่เพื่อรองรับสินค้าและขยายพื้นที่การทำงานให้คล่องตัวและสะดวกมากขึ้น
-นางคำผ่อง ฝอยกลาง ลาพักตั้งแต่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘- ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ โดยไม่ติดต่อกลับมาจึงคัดชื่อออก
ส่วน น.ส.วิสิษฐ์ศรี ศรีสุนาครัว ขอพักไปศึกษาธรรม ณ สังฆสถานทักษิณอโศก
มีกำหนดถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๙
- สรุปตบะหรรษาของพนักงานช่วงเข้าพรรษา
รับโอวาทจากสมณะ ซาบซึ้ง สิริเตโช : เท่าที่ประชุมมาหลายบริษัท บจ.แด่ชีวิตเป็นตัวอย่างได้ในหลายๆมุม
ดีกว่า บริษัทอื่นๆ แต่ไม่ให้ประมาท เพราะความประมาทและสะเพร่านำความสูญเสีย
และเสียหายมามากแล้ว จึงขอให้ใช้ความรอบคอบ ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น สิ่งของ
เครื่องใช้อุปกรณ์ ต้องช่วยกันดูแลรักษา เลิกนิสัยหยาบๆ สะสมจริตนิสัยความละเอียด
การใช้วาจา กล่าวสิ่งใดออกไปให้นึกถึงจิตใจของผู้ฟัง คนที่มีความเข้าใจฝึกปฏิบัติได้มากจะช่วยให้สถานการณ์จิตวิญญาณดีขึ้น
# # #
สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการสมาคมนักศึกษาผู้ปฏิบัติธรรม
ครั้งที่๑๑/๒๕๔๘ (๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๘)
-กรรมการขาดประชุม ๖ คน จากกรรมการทั้งหมด ๑๕ คน
-รายนามที่ปรึกษาสมาคมฯ จำนวน ๘ ท่าน คือ ๑.นายธำรงค์ แสงสุริยจันทร์ ๒.เรือตรีแซมดิน
เลิศบุศย์ ๓.พ.ต.ท. รุ่งโรจน์ เรืองฤทธิ์
๔.นายข้าพุทธ ขาวดารา ๕.นายสมพงษ์ ฟังเจริญ จิตต์ ๖.ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี
๗.น.ส.ขวัญดิน สิงห์คำ ๘.น.ส. สุนทรี จีนธรรม
-การจัดงาน "Meeting มิตรตรึม" เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ มีผู้ร่วมงาน
๔๐ คน บรรยากาศเป็นกันเอง
-การน้อมเกล้าถวายน้ำหมักชีวภาพ ในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ร.ต.ท.ชัยพงค์
บุญพรหม อุปนายกคนที่ ๓ เป็นตัวแทนน้อมเกล้าฯ ถวายน้ำหมักชีวภาพ ในวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จำนวน ๒๒๐ ลิตร
-สมาคมฯจัดงานค่าย "สำนึกอดีต เข้าใจปัจจุบัน มุ่งมั่นอนาคต" ให้แก่นักเรียนโรงเรียนสัมมาสิกขาศาลีอโศก
ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ณ สวนบุญผักพืช ปทุมธานี มีนักเรียนเข้ารับการอบรม
จำนวน ๘๐ คน
-สมาชิกไปร่วมงานตลาดอาริยะปีใหม่ '๔๙ ณ ชุมชนราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ อุบลราชธานี
โดยสนับสนุนการออกร้านของกลุ่มรามบูชาธรรม เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ระหว่างวันที่
๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๔๙
# # #
สรุปรายงานการประชุมเครือแหชาวอโศกประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๘-๒๕๔๙
*** กลุ่มดอยรายปลายฟ้า ๒๕๙ หมู่ที่ ๘ ต.ท่าสาย อ.เมือง เชียงราย
๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๘
-สมาชิกเข้าประชุม ๑๙ คน
-รายงานบัญชี-การเงิน
-ประกอบเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก, ซ่อมแซมเครื่องร่อนถั่ว
-เยาวชนจากมูลนิธิลูกหญิง อ.แม่สาย มาเยี่ยมเยียนชุมชน
-แนะนำสมาชิกใหม่ที่มาอยู่ในชุมชน คือ นายถาวร เกษมสันต์ มาจากบ้านแม่กา
พะเยา
-รายงานความคืบหน้าการเก็บข้อมูลและประเมินข้อมูลข้าวไร้สารพิษในพื้นที่จังหวัดเชียงราย,พะเยา
-เน้นการปลูกถั่วแระและถั่วพื้นบ้านหลากหลายไว้บริโภคแทนถั่วเหลือง
-ปรีกษาหารือการไปไปร่วมและช่วยงานมหาปวารณาที่ปฐมอโศก
-สินค้าที่จะนำไปจำหน่ายในงานปีใหม่ตลาดอาริยะได้แก่เสื้อผ้าม่อฮ่อม และงาม่อน
-รับโอวาทจากสมณะดวงดี ฐิตปุญโญ ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการประชุม ให้มั่นใจในวิถีชีวิตความเป็นอยู่
เราคือพี่น้องสายธรรมร่วมพูดคุยกันเหมือนญาติพี่น้อง
๒๗ พฤศจิกายน
๒๕๔๘
-สมาชิกเข้าร่วมประชุม ๒๒ คน
-การอบรมลดเหลือสองเดือนต่อครั้ง ตั้งแต่มกราคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไป
-นายต้นเสียงธรรม ได้รับการแต่งตั้ง เป็น การกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ของจังหวัดเชียงราย
-เจ้าหน้าที่จากอสม. อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่า เป้ามาร่วมใช้ชีวิตในชุมชน
-โยมมารดาของสมณะดวงดี มาพักค้างเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ
-จัดงานสัมมนากสิกรระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม - ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
-รายงานบัญชี-การเงินเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๘
-บอร์ดติดประกาศให้จ้างช่างประกอบเองจะประหยัดกว่า
รับโอวาทจากสมณะดวงดี ฐิตปุญโญ และ สมณะวิเชียร วิชโย : ชุมชนเข้มแข็งแม้คนจะน้อย
โดยการเพิ่มคุณภาพที่ตนเอง แต่ละโครงการมีงบประมาณจำนวนมากขอให้สร้างคนตามมาด้วย
*** เพื่อนบุญอโศก
(๑๕ มกราคม ๒๕๔๙)
-สมาชิกเข้าร่วมประชุม ๓๐ คน
-สรุปการไปร่วมงานปีใหม่ที่ชุมชนราชธานีอโศก
-รายงานบัญชี-การเงิน
-รายงานการปฏิบัติธรรม
-เลือกตั้งคณะทำงานกลุ่มเพื่อนบุญอโศก
นายเติมบุญ บุญรักษาสุข ผู้รับใช้
นางงามตา ศรีวิลัย รองผู้รับใช้
น.ส.ตะวันงาม เอกวนิชชาญ รองผู้รับใช้ฝ่ายวิทยุชุมชน
นายป่าไม้ หนูทอง รองผู้รับใช้ฝ่ายกสิกรรมไร้สารพิษ
น.ส.ดาวนิล หลีพันธุ์ เหรัญญิก
นางแก้วตะวัน พวงบุบผา เลขานุการ
แนะนำสมาชิกใหม่ คือ นายสมชาย-นางรัชนี เรืองสมสมัย
รับโอวาทจากสมณะ นาไท อิสสรชโน : กำหนดการประชุมครั้งต่อไปวันอาทิตย์ที่
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ณ สถาบันฝึกอบรม ผู้นำ บ้านพุประดู่ ต.หนองบัว อ.เมือง
กาญจนบุรี
*
/ * / * ขอความอนุเคราะห์ * / * / *
ญาติธรรมท่านใดมีกระดาษที่ใช้แล้ว ๑ หน้า อีกหน้าว่าง และสมุดของนักเรียนที่ยังมีหน้าว่าง
โครงงานถอดเท็ปฯ ขอรับบริจาค กรุณาส่งมายังชั้น ๓ อาคารกู้ดินฟ้า นวมินทร์
๔๖ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐ โทร. ๐๒-๓๗๔๕๒๓๐ ต่อ ๑๕๘
สอบถามรายละเอียด ผ่าน email: [email protected]
ขอบคุณที่ช่วยกันนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยความขอบคุณ - อนุโมทนา
โครงงานถอดเท็ปฯ
*** พระพุทธองค์ตรัส
***
ไม่เห็นความต่ำทราม
แห่งอกุศลธรรม
ไม่เห็นความน่าเศร้าหมอง
แห่งอกุศลธรรม
ก็เมื่อการทำชั่วมีอยู่
แต่ผู้นั้นมีความเห็นว่า
การทำชั่วไม่มี
ความเห็นของเขานั้น
เป็นความเห็นที่ผิด
เป็นความไตร่ตรองที่ผิด
เป็นคำกล่าวที่ผิด
ผู้นี้ย่อมทำตนให้เป็นข้าศึก
ต่อพระอริยะผู้กล่าวว่า
"กรรมที่บุคคลทำอยู่ เป็นอันทำ"
ก็เมื่อการกระทำมีอยู่
ผู้นั้นให้บุคคลอื่นสำคัญผิดว่า
การกระทำไม่มี
นี้เป็นการไม่ถูกตรงความจริง
และเขาย่อมยกตนข่มผู้อื่น
เขาละคุณคือความเป็นผู้มีศีล
ตั้งไว้แต่โทษคือ
ความเป็นผู้ละเมิดศีลขึ้นก่อนทีเดียว
(จากพระไตรปิฎก ภาษาไทย
ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ "อปัณณกสูตร" ข้อที่ ๑๑๑)
สถิติเผยแพร่สัจธรรม
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๔๙
ธรรมปฏิกรรม
จดหมาย ๑,๘๐๐ ฉบับ
สิ่งตีพิมพ์ ๒๐ ฉบับ
ตีคืน ๘ ชิ้น
แสตมป์บุญ ๙๐๐ บาท
ธรรมพิมพ์
สารอโศก(ปีใหม่ ตลาดอาริยะ'๔๙) ๙,๐๐๐ เล่ม
สถิติธรรมโสต
เท็ป ซีดี เอ็มพี 3 วีซีดี วิดีโอ
ผู้มาติดต่อ ๘๑ ๒๙ ๒๐ ๒๘ ๕ ราย
จำนวนที่ยืม ๑,๓๙๒ ๑๒๔ ๓๗ ๘๑ ๖ แผ่น/ม้วน
สมาชิกเพิ่ม ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ราย
สื่อที่ออกใหม ๙๖ - - - - แผ่น/ม้วน
พัสดุ ๔๔ ชิ้น
ธรรมปฏิสัมพันธ์
จดหมายออก - ฉบับ
หมายเหตุ ขอแจ้งสถิติเท็ปประจำเดือนมกราคมในคราวหน้า
หน้า ๑๑๐
ใต้ร่มอโศก
ปิตุบูชา
ปัญญาสมโภช
วันมาฆบูชา
วันที่พระอรหันต์เจ้ามาประชุม...โดยมิได้นัดหมาย
แต่เป็นจิตวิญญาณที่ผูกพันกันและกัน....อย่างลึกซึ้ง
และเป็นพระอรหันต์ที่พระพุทธองค์....บวชให้
ปรากฏการณ์มหัศจรรย์
จะเกิดขึ้นเช่นนี้ในพระพุทธเจ้า....ทุกพระองค์
สิ่งสำคัญวันนั้น
คือการสรุปแก่นแท้ของชีวิต....
ละชั่ว....ประพฤติดี....ทำจิตใจให้สะอาดและบริสุทธิ์....ของพุทธธรรม
ผิดจากนี้มิใช่ของแท้....ของเราตถาคต
เป็นของปลอมเลียนแบบ....แอบอ้าง
เริ่มจากศีลด้วยการไม่เบียดเบียนผู้อื่นเป็นเบื้องต้น
ไม่เบียดเบียนตัวเองเป็นเบื้องกลาง
ทำให้เป็นอธิศีลในเบื้องปลาย
และขณะเดียวกัน ก็สั่งสมบุญกุศล....ด้วยพรหมวิหาร
มิใช่แค่คิดปรารถนาดีเท่านั้น
แต่ต้องลงมือปฏิบัติอุปการะช่วยเหลือ
ด้วยทาน ด้วยการสงเคราะห์
ขณะเดียวกัน....ขณะดำเนินชีวิต
ปรับจิต ปรับความรู้สึก ปรับอารมณ์....เสมอๆ
เพราะเหตุนี้แหละ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า....
ศาสนาของเรา....เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่านครบพร้อม
เป็นประโยชน์ต่อโลกได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
# # # ศัพท์อโศก
ปี๒๕๔๘ พ่อท่านให้ชาวอโศกมีการปฏิบัติตนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
อโศกประกาศชนชั้นใหม่ให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม รวมทั้งเป็นวิถีทางของชาวอโศก
นั่นก็คือ "ทำตนให้เป็นคนจนมหัศจรรย์"
จนมหัศจรรย์ คือ จนจริง แต่ไม่ทุกข์ และจะทำให้จนยิ่งขึ้นไปอีก !
# # # นโยบายร้านค้าชุมชนชาวอโศก
(ตอนที่ ๓)
เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ ก.ย. ๒๕๔๘ ณ ชุมชนสันติอโศก ในการประชุมพาณิชย์บุญนิยม
ต.อ.ได้เสนอกรณีสาหร่ายทะเล ปัจจุบันมีสารพิษตกค้างมาก เนื่องมาจากโรงงานอุตสาหกรรม
ที่มีอยู่ทั่วโลก ได้ปล่อยสารพิษ ลงสู่ทะเล
เห็นควรเลิกขาย จากการสุ่มตรวจเป็นระยะ ถือเป็นเรื่องที่ยังไม่ปลอดภัย
ที่ประชุมรับทราบ
# # # ชมร.กับรสชาติอาหาร
ประธานให้โอวาทก่อนปิดการประชุม
ประธานได้กล่าวปิดการประชุมมีใจความสรุปได้ว่า เรื่องการทำอาหารก็ต้องมีคุณภาพพอสมควร
ต้องมีการปรุงแต่งอาหาร ให้มีรสชาติบ้าง จะทำให้เหมือนกับทำให้คนวัดกินไม่ได้
ขณะนี้มีสัญญาณบอกมาแล้วว่าอาหารประเภทใดบ้างจะต้องปรับปรุง ให้มีรสชาติดีขึ้น
(เก็บตกรายงานการประชุมอาสาสมัครชมร.สาขาหน้าสันติอโศก ครั้งที่ ๑๑/๔๘ ๑
ก.ย.'๔๘)
# # # พาณิชย์บุญนิยม
การประชุมเมื่อวันที่ ๒๖ ก.ย.'๔๘
วาระที่ ๒ เรื่องสืบเนื่องมี
๑) ความคืบหน้าของการสร้างอาคารบุญนิยม
๒) โครงการนำพืชมาทดแทนสารชำระล้าง
๓) น้ำหมักชีวภาพชนิดดื่ม(การปรับปรุง)
๔) การงดจำหน่ายสาหร่ายทะเล
๕) ปัญหาขยะหน้าวัด
๖) การขอใบอนุญาตประกอบอาหารของชมร.
วาระที่ ๓ ปัญหาและแนวทางการแก้ไข
๑) แนวทางการค้า
๒) ผงนัวสมุนไพรปฐมอโศก
วาระที่ ๕ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ
๑) ชมร.หน้าสันติอโศก จะไม่ซื้อผักจากตลาด
# # # อโศกสร้างคน คนสร้างเมือง
เมื่อก่อนดิฉันชอบกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด อาหารแต่ละมื้อจะขาดเนื้อสัตว์ไม่ได้เลย
และนิสัยขี้หงุดหงิด โมโหง่าย ก้าวร้าว เถียงคำไม่ตกฟาก ปัดความผิดให้พ้นตัว
ใช้เงินฟุ่มเฟือย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดจนมาถึงปี ๒๕๔๗
เดี๋ยวนี้ดิฉันไม่กินเนื้อสัตว์ กินเพียงปลาตัวเล็ก ซึ่งอีกไม่นานก็จะเลิกแล้ว
และใจเย็นกว่าเดิมมาก ไม่หงุดหงิดง่าย รู้จักปล่อยวาง ไม่เถียง ใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด
กินอาหารวันละ ๒ มื้อ ไม่กินจุบจิบ ดิฉันขอสัญญาอีกไม่นานดิฉันจะขอเข้าไปเป็นชาวอโศกเต็มตัว
* วันเพ็ญ แซ่เฮ้ง เขตยานนาวา กทม.
# # # ตอบข้อสงสัยผีเปรตมีจริงแค่ไหน
? (ตอนที่ ๒)
ฉบับที่แล้วตอบไปข้อแรก ยังเหลืออีก ๑ ข้อ
ข้อ ๒ ทำบุญแล้วต้องกรวดน้ำ ถ้าไม่กรวดน้ำ อุทิศผลบุญไปให้ ญาติเหล่านั้นจะหิวโหย
ตอบ ศาสนาพุทธสอนให้เชื่อกรรมใครกรรมมัน ดี-ชั่วของใครก็ของเขา
หากกรวดน้ำมีจริง จะไม่มีเปรตตัวไหนหิวโหย เหตุผลก็คือ ทุกวัน คนไทยทำบุญในวาระต่างๆมากมายตั้งแต่เช้า
จนถึงค่ำ ตักบาตร สังฆทาน ทำทาน ผ้าป่า กฐิน สารพัด และงานศพ
ทุกงานบุญ ทั้งเจ้าภาพและผู้ร่วมงานต่างๆ ก็ตั้งใจแผ่ส่วนกุศลทั้งสิ้น
จึงไม่ควรมีเปรตตัวไหนหิวโหย จะมีปัญหาก็เพราะกินมากไป เพราะคนกรวดน้ำมากมายทั่วประเทศ
# # # สัมมาทิฏฐิ คือ ประธานของชีวิต
ญาติธรรมดวงรัตน์ หาญณรงค์ (อ.กิ่งวังเจ้า จ.ตาก) อ่านความทุกข์ของตัวเอง
มีหลายเรื่อง
๑. ทำไมชีวิตต้องทำงานมาก ป่วยก็ยังหยุดไม่ได้
๒. ทำไมต้องเจอผัสสะในที่ทำงาน
๓. กังวลกับลูกๆ
จิ้งจกคิดว่า หลายๆคนก็คิดแบบนี้ แต่ถ้าชีวิตคือการสั่งสมบารมี
ชีวิตคือการปฏิบัติธรรม
เราจะพบว่า ธรรมะนั้นเอาวิกฤติมาเป็นโอกาสเอาขี้มาทำปุ๋ยเสมอ
ปรับจิตใหม่ เห็นประโยชน์ และพร้อมรับทุกสถานการณ์
ยินดีชดใช้วิบาก และยินดีรับใช้บริการ จุ๊ย์ๆๆ
# # # คุณเป็นนักปฏิบัติธรรมตรงไหน?
"เป็นนักปฏิบัติธรรมตรงที่เราได้ดูจิตดูใจเราเพิ่มขึ้นในเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามา
หรือขณะที่เจอผัสสะ มีความอดทน ในสิ่งที่เรา ไม่ชอบได้ ไม่มีการถือสา เพื่อนร่วมงานในบางเรื่อง
รู้จักความเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากขึ้น"
เป็นคำตอบของคนที่ทำงานอยู่พลังบุญ คนอื่นล่ะ คิดคำตอบไว้หรือยัง ส่งมาเถอะ
จุ๊ย์ๆๆๆ
# # # ภารกิจของญาติธรรม
จากญาติธรรมวรรณี สีแตง "บ้านดิฉันอยู่หมู่บ้านโคกสง่า อ.ปากช่อง และอยู่ใกล้วัด
มาปีนี้ก่อนเข้าพรรษาไม่กี่เดือน เจ้าอาวาสได้เปิดม้วนเท็ปแทนการเทศน์ของสันติอโศก
และของวัดต้นสน พอเข้าพรรษาแล้ว ทุกวันพระจะได้ยินเสียงของ ท่านชาตวโร ซึ่งดิฉันประทับใจมากที่ได้ยินต่อเนื่องเพราะดิฉันลางานเกือบเดือน
ต่อไปทำงานแล้วคงจะไม่ได้ยิน ดิฉันเลยส่งความดีใจมาแทนการรายงานซึ่งไม่ได้ส่งเป็นปี
เป็นเพราะผัดวันประกันพรุ่งนี้เอง ก็ขออภัยด้วยค่ะ"
ความสุขของชาวอโศก คือ การปิดทองหลังพระ ไม่ต้องรู้ว่าเป็นของเรา แต่ขอให้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์
เราก็จะภูมิใจ ไม่โชว์ตัว นี้ของกู !
และอีกหน้าที่ คือ ส่งจ.ม. รายงานผลการอ่านหรือจะวิจารณ์บทความก็ได้
ทำมากดีกว่าทำน้อย ทำน้อยดีกว่าไม่ทำเลย จุ๊ย์ๆๆ
# # # หน้าหนึ่งแห่งการเข็นกงล้อธรรมจักร
ผ่านกลุ่มญาติธรรมกลุ่มต่างๆ
วาระที่ ๑ เรื่องประธานแจ้งให้ทราบ
คุณหมอกัลยา ข้าราชการบำนาญปฏิบัติธรรมสายพุทธทาสภิกขุ สำนักบัวผัสสะ แจ้งความจำนงค์จะให้ทำประโยชน์
ในที่ดิน (สปก ๔๐๑) จำนวน ๑๘ ไร่ เขตพื้นที่บ้านสะพานสาม อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร
ทีมงานบริหารได้พูดคุยในเบื้องต้นว่า ไม่มีแรงงานญาติธรรมพอจะไปดูแลได้ จึงไม่สามารถรับบริจาคได้
และอนุโมทนาสาธุ ในจิตอันเป็นกุศลในครั้งนี้
มติที่ประชุม รับทราบ
วาระที่ ๗ เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา
๓. พิจารณากำหนดบทบาท และสถานะของพื้นที่ภาคกสิกรรมบ้านดานใหญ่ ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ
จ.อุดรฯ มีมติ ให้คืนที่ดิน แปลงดังกล่าว แก่เจ้าของเดิม (ด้วยคะแนนเสียง
คืนที่ดิน ๑๗ ต่อ ไม่คืนที่ดิน ๑ เสียง งดออกเสียง ๒ เสียง)
๔. พิจารณารับบริจาครถยนต์ (แวน) จำนวน ๑ คัน ของอ.สมบูรณ์ และยายวันทิน
กาญบุตร มีมติ งดการรับบริจาค แต่สามารถ ยืมมาใช้งานเป็นครั้งคราวได้
๕. พิจารณาซื้อเครื่องผสมหัวอาหารสัตว์(ไซโล) สภาพใช้งานได้ดี ฉุดลากด้วยมอเตอร์
๔ แรงม้า ผสมได้ครั้งละ ประมาณ ๓๐๐ กิโลกรัม ราคา ๑๐,๐๐๐ บาท จากพี่ชายของลุงเกม
อ.เรณูนคร จ.นครพนม สามารถส่งได้เป็น ๒ งวด (๕,๐๐๐ บาท + ๕,๐๐๐ บาท) เพื่อมาใช้ผสมขี้เลื่อยอัดก้อนเชื้อเห็ด
และผสมปุ๋ยอินทรีย์ มติ อนุมัติซื้อได้
(หมายเหตุ เก็บตกจากแฟ้มรายงานการประชุมกลุ่มสกลอโศก ตำบลค้อเขียว อำเภอวาริชภูมิ
จ.สกลนคร)
# # # รถหายที่สันติอโศก
ญาติธรรม สมชาย อนุรักษ์ฤานนท์ จอดรถมอเตอร์ไซด์ ใกล้เที่ยง ฟังธรรมเสร็จ
รถหายไปเรียบร้อย อย่างกับเป็นค่า กัณฑ์เทศน์!
นำมาเล่าเพื่อระมัดระวัง
ส่วนญาติธรรม ทรงชัย วิมลภัตรานนท์ ปิคอัพจอด ถ.นวมินทร์ ห่างวัดไปกิโลฯ
ก็หายเหมือนกัน แสดงว่า ถนนนี้ โจรนั่งรอ เจ้าของเผลอ
จึงแจ้งญาติธรรมให้ระมัดระวัง จุ๊ย์ๆๆ
# # # เป็นกำลังใจ
"หนังสือทุกเล่มที่ส่งมาให้มีค่าสำหรับดิฉันมาก ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาอ่าน
แต่ก็เอาแอบมาอ่านในที่ทำงานค่ะ และก็ไม่ค่อยมีเวลา ได้เขียน วันนี้ตั้งใจ
และพยายามจะต้องตอบให้ได้ หวังว่าสักวันหนึ่งดิฉันคงมีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับหมู่บ้านสันติอโศกบ้าง
ขณะนี้ดิฉัน พยายามจะถือศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ แต่ศีลข้อมุสาฯ นี่สิคะ ทำยากมาก
แต่จะต้องปฏิบัติให้ได้"
* ปทิตตา กลอนกลาง (อ.เมือง จ.มุกดาหาร)
สาธุ จุ๊ย์ๆๆ
# # # ธรรมาธรรมะสงคราม
"วันหนึ่งผมโดนจับรถมอเตอร์ไซค์ ทุกอย่างที่กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับกฎหมายจราจร
ผมทำถูกทุกอย่าง แต่โดนข้อหาว่า ไม่ได้พกบัตรประชาชนมา ผมเป็นข้าราชการเป็นครู
จึงส่งบัตรข้าราชการครู ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เขาบอกว่า อย่าเอาบัตรข้าราชการมาอวดเบ่ง
เขาไม่ได้เขียนใบสั่ง เพราะไม่ได้ผิด พ.ร.บ.การจราจร
แต่เขายึดรถไปไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการจราจร
ผมให้เขายึดไป... .ผมมาใช้รถของลูกสาวแทน
ยึดอยู่นาน ผมไปหาเจ้านาย ซึ่งเป็นสารวัตรจราจรถามว่า จะต้องเสียค่าปรับเท่าไรในข้อหานั้น
(ไม่มีใบสั่งใดๆ)
สารวัตรคงกลัวลูกน้อง จะเสียหน้าว่ามันทุเรศ หนึ่งอาทิตย์ ผมปล่อยรถไว้อย่างนั้น
สารวัตรจึงสั่งให้ตำรวจ คนอื่น เอารถ ไปให้ผมถึงบ้าน เพราะเขาถามว่า อยู่ตรงไหน.....
นี่แหละประเทศไทย อยู่เมืองไทยต้องทำใจครับท่าน"
จบละครชีวิต"แก้วิกฤติด้วยสงบ" ดาราแสดงนำญาติธรรม กำธร เสนาจันทร์ศรไชย
(อ.เมือง จ.พิษณุโลก)
คำถาม โจทย์เรื่องนี้ ถ้าเป็นเรา เราได้ปฏิบัติธรรมอะไรบ้าง? จุ๊ย์ๆๆๆ
# # # ต้นไม้แห่งความอดทนต้องรดน้ำพรวนดิน
"การเมืองบุญนิยม สังคมอาริยะ ได้เห็นความอดทน ในส่วนบุญกุศลของพ่อท่านทำงานมา
มีมวลหมู่กลุ่มประชาชน พลเมือง ก็ได้เข้าใจในสัจธรรม แล้วได้นำไปปฏิบัติ
เกิดมรรคผลให้พิสูจน์สัจธรรม ก็เข้าใจว่าคนที่เขาไม่เข้าใจอโศกได้ ก็เป็น
ความแตกต่าง คือความแตกต่างให้รู้ให้เห็น ที่พวกเราอยู่ร่วมกันอยู่ เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดเพียงยุคนี้
เคยเกิดมีมาก่อนแล้ว ก็ต้องอด ต้องทน กันอีกต่อไป แม้จะนานก็ต้องทน ตามรอยพุทธองค์
คงจะไม่ง่าย คิดว่าสารอโศกได้เป็นสื่อ ให้แสงสว่าง กับคนมีสองตา รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง
โลกนี้โลกหน้ามีจริง ใครเข้าใจแล้วก็ต้องเดินตาม จะถึงฝั่งได้ทุกท่านหรือไม่ก็เป็นวิบากกรรม"
จากญาติธรรม สุนะ คำเครื่อง เกษตรกร จาก อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ วิเคราะห์เจาะลึกมา
จิ้งจกอยากจะบอกว่า "ความอดทน" ต้องฝึกฝนในทุกระดับ แม้ชีวิตของเราเอง
หลายครั้ง ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ยอมอดทน เพราะเห็นแก่ความสะดวกสบาย เราจึงอ่อนแอ
หลายๆครั้ง ที่เราไม่ยอมอดทน เนื่องจากพฤติกรรมของใครก็ตาม เราจึงลดละกิเลสโทสะไม่ได้
ความอดทน คือ เสาเข็มของชีวิต ของทุกคน ของทั้งโลกโลกียะ และโลกโลกุตตระ
จุ๊ย์ๆๆ
# # # โอวาทปาฏิโมกข์ วิถีชีวิตชาวพุทธ
จากญาติธรรม คำภา แก้วเคน (อ.เมือง จ.นครพนม)
"ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามตรวจดูตนเองในการใช้ชีวิตในแต่ละวันว่ามีประโยชน์หรือมีค่ามากน้อยเพียงใด
ไม่หลงอบายมุข ก็จะพยายามลดละให้ถึงที่สุดค่ะ....."
ปฏิบัติธรรม คือ การละชั่ว ค้นหาข้อบกพร่อง ทำดี บริการช่วยเหลือคนอื่นเสมอ(พรหมวิหาร)
ทำจิตใจให้แจ่มใส คือ การปรับจิต ตลอดเวลา ใครไม่ครบ ๓ โอวาท ถือว่ายังไม่สมบูรณ์
จุ๊ย์ๆๆ
# # # จับโลกธรรมต้องจับโทสะ
จากญาติธรรม ปราณี ปาหยัน (อ.เมือง จ.นครราชสีมา)
"ตอนนี้ดิฉันกำลังสู้เรื่องโลกธรรมอยู่ บางครั้งแพ้ บางครั้งชนะ เรื่องนินทาจากเพื่อนบ้าน
เรื่องแข่งขัน ทรัพย์สิน เงินทอง ก็กำลังเพียรพยายามสู้กับตัวเองอยู่....."
ความจริงแล้ว พ่อท่านพาทำ ก็ล้วนเป็นไปว่า ด้วยการลดละโลกธรรม
๑. ทำตัวให้จน
๒. แต่งตัวมอซอ
๓. ไม่กินเนื้อสัตว์
แค่นี้ก็เจอโลกธรรมจมหูจมหัว!
อย่างไรก็ตาม การล้างโลกธรรม เมื่อชืดชาในลาภยศ สรรเสริญทางโลก(หรือกำลังฝึกอยู่)
สิ่งที่ต้องฝึกฝนไปด้วยคือ "โทสะ"
โทสะคือตัวตนชั้นยอด หาก"สมใจ"ถือว่าฝึกลำลอง"ไม่สมใจ"
ถือว่าฝึกจริง
รู้ทฤษฎีแล้ว ลงมือปฏิบัติจริง ชีวิตย่อมมีแสงสว่าง จุ๊ย์ๆๆ
# # # ไฟเผาขยะตบะเผากิเลส
๑. จะทำงานตามตารางที่กำหนดให้ในแต่ละวัน ไม่คั่งค้าง
๒. จะงดดื่มกาแฟ
๓. เมื่อได้รับหนังสือ จะรีบตอบรับทันที
* จรวยพร ดวงภูมิเมศ (เขตบางกอกใหญ่ กทม.)
- จิ้งจกส์ -
คติประจำเดือนนี้
เอาวิกฤตมาเป็นโอกาส
เอาขี้มาทำเป็นปุ๋ย
หน้า ๑๑๘
น้ำฉี่ดีจริงหรือ ?
เมื่อครั้งที่เคยไปออกรายการเรื่องน้ำปัสสาวะรักษาโรคของ
เจ.เอส.แอล.(JSL) โดยมี ดร.ไชยา ยิ้มวิไล และดร.นิธินาถ สินธุเดชะ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ร่วมกับ คุณมานพ อุดมเดช ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "ฉี่" และได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้
และบอกว่า ผมเตรียมมาให้คุณโดยเฉพาะเลยครับ เพราะผมเองก็ได้ให้คนไปสัมภาษณ์คุณด้วย
ดังนั้นฉบับนี้ จึงได้นำเสนอ การสัมภาษณ์ ธรรมรักษา พระที่ใช้ปัสสาวะ รักษาโรค
จากหนังสือเล่มนี้ ขอเชิญติดตามได้เลยค่ะ
สัมภาษณ์ธรรมรักษา พระที่ใช้ปัสสาวะรักษาโรค
เขียนหนังสือเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรรักษาตนเอง ฯลฯ
หลวงพ่อช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องการรักษาโรคด้วยปัสสาวะ
ที่หลวงพ่อพอจะทราบว่ามีความเป็นมาอย่างไร ?
- เดิมทีความรู้เกี่ยวกับ การรักษาโรคด้วยปัสสาวะ น้ำปัสสาวะที่เคยได้ยินมานานแล้ว
สมัยเมื่อเดซาย ไม่ทราบว่าจะเป็น ประธานาธิบดี อินเดีย หรือรองประธานาธิบดีอินเดีย
แล้วท่านใช้ปัสสาวะ ดื่มเป็นประจำ แต่ในนั้นเราไม่ทราบว่า ท่านดื่มเพื่อรักษาโรคอะไร
แต่ว่าเท่าที่ทราบมา รู้สึกว่า ท่านดื่มเป็นประจำ จนกระทั่ง มีข่าวออกไปทั่วโลก
แล้วก็หม่อมคึกฤทธิ์น่ะ ตอนนั้นท่านก็บอกว่า เดซายนี่เพี้ยน จนกินเยี่ยวตัวเองแล้ว
เพราะว่าหม่อมคึกฤทธิ์ ไม่เข้าใจเรื่องว่า ในการดื่มน้ำปัสสาวะนี่ จะมีปฏิกิริยา
หรือมีผลดี กับการรักษา สุขภาพอย่างไรใช่มั้ย อันนั้นหนึ่งล่ะนะ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ
เคยได้ยินข่าว แต่ไม่ยืนยันว่า มหาตมะคานธี ก็ได้ดื่ม เหมือนกัน แต่จะดื่มประจำ
หรือเปล่าไม่ทราบ ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนจะมี แต่ไม่ทราบว่า ท่านจะดื่มเพื่อรักษาโรคอะไรนะ
แล้วที่ตอนหลังเนี่ย ที่มาสนใจเรื่องนี้
ก็เลยไปพบว่าที่คำสอนของพระพุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้าก็ว่าให้ดื่มน้ำมูตรเน่า
หรือว่าเอาน้ำมูตรเน่า น้ำมูตรก็คือปัสสาวะของเราเนี่ย มาดองกับสมอ แล้วก็ใช้เป็นยาแต่ในนั้นท่านก็ไม่ได้บอกว่า
ใช้รักษาโรคอะไร ส่วนมากในปัจจุบันนี่นะพระธุดงค์ที่อยู่ในป่าในเขาจริงๆ
ท่านก็ยังใช้อยู่ ยังใช้น้ำปัสสาวะที่ดองกับสมอ เป็นยา แต่ว่าเราพึงจะเข้าใจนะว่า
ปัสสาวะในที่นี้ต้องเป็นปัสสาวะของตัวเอง ในการดองหรือในการดื่มเป็นปกติก็ตามนะ
ต้องใช้ของ ของเราเอง ไม่ใช้ของคนอื่น แล้วก็มีข้อที่น่าคิดว่าหลังจากได้เขียนหนังสือสมุนไพรรักษาโรคด้วยตนเองออกไปแล้วนี่ก็
ก็ได้พบกับพระธุดงค์ที่เดินเขาหลายรูป ที่ท่านเป็นพระสายปฏิบัติเนี่ย ท่านก็บอกว่า
เออ...ท่านดื่มปัสสาวะเป็นประจำ แต่วิธีดื่ม ของท่านน่ะ ท่านใช้ว่าตื่นนอนขึ้นมาเนี่ย
ให้ถ่ายปัสสาวะซะก่อนหน่อยหนึ่งแล้วก็ดื่มตรงกลาง รองตรงกลางไว้ดื่ม ตรงท้ายไม่เอา
อันนี้เราไม่มีเหตุผลว่าเพราะเหตุใดนะ สำหรับตัวเองนะ สำหรับหลวงตาเองนะ
เดิมทีก็นึกว่ารังเกียจเพราะว่าหลวงตาสนใจในเรื่องแผนปัจจุบันมากเกินไปนะ
คือว่าสนใจทั้งด้านสมุนไพร สนใจถึง แพทย์แผนปัจจุบัน ก็ได้สะสมตำราพวกนี้มากที่สุด
ทีนี้จากที่เรารู้มาในทางการแพทย์นั้นว่า น้ำปัสสาวะนี้มันเป็นของเสียที่ร่างกายขับออก
ฉะนั้นเมื่อเราจะกินเข้าไปเนี่ย มันอาจจะมีโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วิตกตัวเองนะวิตกมากที่สุดคือ
ว่าเอ เราได้ถ่ายปัสสาวะเก็บเอาไว้ในที่ใดที่หนึ่งน่ะนะ เพียงวันสองวันเท่านั้นเองจะเห็นว่ามันเหมือนกับทรายหรือมีหินปูนอะไรเกาะอยู่ขอบๆ
เกิดความวิตกว่า ถ้าเราจะดื่มปัสสาวะตามที่เขาแนะนำในหนังสือเล่มนี้(ท้าพิสูจน์
ดื่มปัสสาวะรักษาโรค) เราก็ยังระแวงๆใจว่าถ้าเกิดว่า เราดื่มประจำๆ แล้วไอ้ส่วนที่ว่าเป็นผลึกหรือว่าเป็นหินปูนอะไรก็ตามที่มันสากๆเนี่ย
ถ้าเกิดมันไปรวมตัวถ้าเกิดเป็นนิ่วขึ้นมา เราก็อาจจะเกิดโทษ ก็เลยใช้วิธีนี้
ใช้วิธีว่า ตอนตื่นนอนเช้านี่เฉพาะตัวเองนะตอนตื่นนอนเช้าเนี่ย คือหมายความว่าเราพบกัน
ครึ่งทางนะ อะไรเราไม่ควรเพราะว่าทางการแพทย์ยังไม่ได้รับรองยังไม่ได้วิจัยรับรองว่ามีผลดี
๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้างั้นเราไม่มีปัญหาเลย ทีนี้ทางการแพทย์ยังไม่ได้รับรอง
แล้วทางการแพทย์ก็ยังยืนยันว่า ปัสสาวะเป็นของเสียที่ร่างกายขับออก ฉะนั้นเมื่อเราจะใช้เฉพาะเราศรัทธา
เพราะเห็นว่าผู้ที่เขาใช้ได้ผลนั้นน่ะก็มากมาย แล้วมีข้อตำหนิอยู่นิดนึงว่า
ผู้ที่ใช้นั้นน่ะ ไม่ให้หลักฐานที่ชัดเจนว่า ชื่ออะไร อยู่ที่ไหนแล้วใช้นี่มีวิธีการใช้อย่างไรเราไม่มีรายละเอียดตรงนั้น
พอดีคิดว่าผลเสีย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์น่าจะไม่มี ทั้งนี้เพราะว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านเป็นสัพพัญญู
ท่านก็ยังอนุญาตให้ใช้ได้ ตอนนั้น ก็เลยตัดสินใจลองดู ลองดูโดยการที่เราดื่มครั้งแรกนี่
ด้วยการที่ว่าเราถ่ายตื่นเช้าขึ้นมานี่ ตามปกติความเข้มข้นของปัสสาวะจะอยู่ในช่วงเช้า
เราถ่ายทิ้งไปเลย ถ่ายทิ้งไปซะให้หมดเลยครั้งหนึ่ง แล้วเราก็ดื่มน้ำมากๆ
เป็นสามแก้ว สี่แก้วเลยก็ได้ พอดื่มน้ำมากๆ ปัสสาวะที่ออกมา ที่จะใส กลิ่นก็จะไม่ค่อยมี
ก็จะโดยมากก็จะดื่มในช่วงนี้ อันนี้หมายถึงในระยะแรก แต่พอตอนหลังๆ มาดื่มมาประมาณ
ซักครึ่งหนึ่ง เดือนนึงแล้วทีนี้ไม่มีอุปสรรคเลย ก็เลยดื่มได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหา
แต่ว่าเราก็ไม่ควรประมาทล่ะนะ ก็เพราะว่า อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ ทีนี้มันมีปัญหาอยู่นิดนึง
ในวงการแพทย์ปัจจุบัน นี่นะที่หลวงตาอ่านพบหรือว่าฟังเขาเนี่ย เขาบอกว่า
ไอ้สิ่งที่เรากินเข้าไปนี่ บางครั้งไม่ดี สิ่งที่มันไม่ดีน่ะ ยกตัวอย่าง
เช่น ยาพิษบางอย่างนี่ พอเรากินเข้าไปในร่างกายแล้วมันไปทำปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นมา
แล้วกลายเป็นดีนะ เพิ่มวิตามินตัวใหม่ขึ้นมา อันนี้เขาบอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารบางสิ่งบางอย่างนี้
นี้ไม่ได้พูดถึงไวตามินนะ หมายถึงว่า อาหารทั่วๆไปนะ เรากินเข้านะ แทนที่มันจะไปบำรุงเลย
มันไม่ได้ไปอย่างนั้นเลยนะ มันจะไปทำปฏิกิริยา แล้วไปออกเป็นวิตามินตัวใหม่
อันนี้หมอเขาพูด เนี่ยจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ถึงปีหรอก ฉะนั้นก็เลยได้ข้อคิดว่าอะไรก็ตาม
ถ้าหากว่าเราได้ดื่มเข้าไปแล้ว ไม่เกิดผลเสียอะไรเนี่ย มันอาจจะเกิดผลดีก็ได้
เพราะมันไปทำปฏิกิริยาใช่มั้ย เช่นว่า จะเป็นกรด เป็นด่าง เป็นอะไร ซึ่งเป็นคำที่ภาษาหมอ
เราไม่รู้ อย่างสมมติตัวอย่าง เช่นปัสสาวะนี่นะ เป็นของเสียก็จริง แต่ของเสีย
เมื่อมันไปผ่าน ระบบการย่อยแล้ว ทำปฏิกิริยากับอาหาร หรือว่าน้ำย่อย อะไรมันก็อาจจะเกิดเป็น
วิตามินตัวใหม่ หรือว่าจะมีสารอาหาร หรือว่าเป็นเภสัชชนิดหนึ่ง ที่สามารถจะรักษาโรคได้
นี่พอคิดได้อย่างนี้หลวงตาก็เลยดื่มมาตลอด
เริ่มดื่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
?
- ปลายๆปี'๓๘ นี้เอง และประมาณปลายเดือนพฤศจิกา เพราะหนังสือสมุนไพรรักษาโรคด้วยตนเองนี่ออกต้นธันวาช่วงนั้นกำลังเขียนหนังสืออยู่ก็ปลายๆกลางๆเดือน
พฤศจิกา
เพราะว่าได้อ่านเล่มของบัวใต้น้ำก่อนใช่หรือเปล่าคะ
?
- ใช่ เพราะได้อ่านเล่มนี้ก่อน ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจว่า เอ๊ะ น่าจะมีประโยชน์เลยลองดู
ในการดื่มปัสสาวะของหลวงพ่อ
มีวิธีการอย่างไร ดื่มตอนไหนบ้างคะ ?
- หลวงตาก็ดื่มตอนตื่นนอน โดยปัสสาวะทิ้งก่อนเมื่อตื่นนอนน่ะนะ โดยส่วนมากที่ดื่มคือดื่มตอนเช้า
กลางวัน ส่วนมากไม่ดื่ม จนกระทั่ง เราดื่มมาระยะครึ่งเดือนกว่า จนถึงค่อนเดือนแล้วนี่
เราก็จะดื่มได้ตลอดเลยทั้งวันก็ได้ แต่ว่าจากการดื่มทั้งวัน แล้วก็ปรากฏว่า
ไม่เห็นมีอะไร ผิดแปลกกับที่เราดื่มน้อยๆ เช่น สองแก้ว สามแก้ว ก็เลยทุกวันนี้
ดื่มบ้าง ไม่ดื่มบ้าง ส่วนผลดีที่ว่า น่าจะเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว ของการดื่มปัสสาวะนี่นะ
หนึ่ง ทำให้ท้องไม่ผูก และที่น่ายืนยันได้มากที่สุดก็คือ คนที่ท้องผูกมากๆนะ
ที่เกิดจากความเครียดนะ อย่างพระองค์นั้น ชื่อธีระพลน่ะนะ คือ เขามีปัญหามาก
เรื่องว่าถ่ายไม่ค่อยออกนะ แล้วพอ สามสี่วัน ก็ต้องไปซื้อยาถ่าย พอเขามาดื่มปัสสาวะนี่
ปัญหานี้หมดไปเลย เดี๋ยวนี้ทุกวันนี้ก็ดื่มประจำ ปรากฏว่าท้องระบายเป็นปกติ
ทีนี้สำหรับหลวงตาเอง มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะหลวงตาเอง เป็นคนธาตุอ่อน
เพราะฉะนั้นเมื่อดื่มปัสสาวะแล้ว มันจะถ่ายหลายครั้งเช่น เช้าเนี่ยนะ มันจะตั้งสามครั้ง
สี่ครั้งแล้วก็เลิก ทีนี้มันก็มีอุปสรรคว่าเราจะต้องไปที่อื่นนี่นะ มันจะไม่สะดวก
ก็เลยส่วนมาก ก็ถ้าจะเดินทาง ก็ไม่ดื่มเลย อยู่ที่นี่ก็จะดื่ม การที่ถ่ายหลายครั้งนี้ก็คือถ่ายอย่างปกติ
ไม่ใช่ท้องเสีย แต่มันค่อนข้างจะเหลวๆหน่อย แล้วก็ถ่ายไม่มาก แล้วจะไม่มีอาการอ่อนเพลีย
ผลดีประการที่สอง ก็คือทำให้เนื้อตัวเบา
เอ๊ย เนื้อตัวนิ่มเนื้อตัวนิ่มดีกว่านะ ร่างกายนี่นิ่มมากเลย เมื่อก่อนที่ยังเนี่ย
รับรองได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะไม่ทราบว่าทุกคนน่ะนะ เราไม่ยืนยันทุกคน
เอาเป็นว่าเฉพาะหลวงตา แต่ก่อนนี้ขานี่มันจะตึงมากเลยนี่ เค้าเรียก ขัดสมาธิ
สมาธิเพชรเขาจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นมา พระพุทธรูปก็มีนะเอาขาไว้ทับกันทั้งสองข้างเลย
ตอนที่ดื่มนี่จะดึงขาขึ้นมาได้ถึงเนี่ย แล้วก็ปรากฏว่าตัวที่มันนิ่ม เนื้อตัวนี่นะหลังที่เคยตึง
เวลาก้มกราบพระ กราบอะไรบางครั้งมันก็ปวดๆไหล่ๆ ปรากฏ ไม่มีเลย นิ่ม ประหลาดมากเลย
อันนี้รู้สึกว่า จะใช่แล้ว ก็พอเรามาเลิกไปนานๆแล้ว มันจะกลับมาอีก
สรุปก็มี สองอันเป็นจุดเด่น
แล้วนอกจากนั้นมีอันหนึ่งนะ ไม่รับรอง อันที่สามคือว่าหลวงตาเป็นไอ้ข้อนี้ปวดนะ
(ข้อนิ้วเท้า) ข้อเท้า ข้อหัวแม่เท้านี่ปวด เป็นมาประมาณ ๑๐ กว่าปี ไปหาหมอโรงพยาบาลเขาบอกว่าไม่ใช่เก๊าท์
เพราะว่าถ้าเก๊าท์ มันจะบวม แล้วก็แดง แล้วก็จะปวดมาก นี่ปวดไม่มาก นี่ขยับๆ
นี่มันปวด ปรากฏว่าไปตรวจเขาว่ามันเป็นน้องๆเก๊าท์ คล้ายๆว่า เป็นเก๊าท์อ่อนๆ
แต่ยังไม่ใช่เก๊าท์ แล้วเค้าก็ไม่ให้การรักษา แต่เราก็ปวดแต่พอทนได้ ทีนี้พอหลังจากเรามาดื่มปัสสาวะแล้ว
เอ๊อ...อันนี้มันเกือบจะหาย เป็นปกติ เกือบจะไม่มีเลยนะ เดี๋ยวนี้สบายไม่ปวดเลย
มีรู้สึกนิดๆ บางครั้งเท่านั้นเอง นอกจากสามอันนี้แล้ว รู้สึกจะมีเท่านี้นะ
ที่เด่นๆ
ตอนดื่มครั้งแรกหลวงตาดื่มเพื่อรักษาโรคหรือเปล่าคะ
?
- เปล่าเลย ดื่มเพื่อทดลอง ที่เขาเขียนไว้ในหนังสือว่าจะมีส่วนจริงบ้างหรือเปล่า
แล้วต้องยอมรับว่า หลวงตาเป็นคน ที่ไม่เชื่อ เพราะใจมันคิดว่านี่คือของเสีย
แต่ทีนี้ทำไมดื่ม ก็เพื่อจะพิสูจน์ที่ว่าจริงหรือไม่ เพราะเขาบอกว่า คนอื่นดื่มมา
เยอะแยะแล้ว เราก็รู้จักคนที่เขาอ้างนะ เอ๊า เขาดื่มมาแล้วๆ ตอนนั้นเราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
ถ้ามีปัญหาเราก็เลิกได้ใช่มั้ย เนี่ยก็เลย เพื่อจะทดสอบ นี่มีแค่นี้
หลวงตาคิดว่าจะดื่มต่อไปอีกหรือเปล่าคะ
?
- จะดื่มต่อไป เพราะเหตุว่าอนึ่ง ทำให้เนื้อตัวมันนิ่มนะ สองแล้วก็ถ้าบางครั้งรู้สึกว่าท้องค่อนข้างจะผูกๆ
ทีนี้ไอ้ท้องผูก เมื่อกี๊ที่ว่าน่ะนะ หลวงตาไปดื่มมากเกินไปนะ คล้ายๆว่าไปดื่มทีสองแก้ว
สามแก้ว ทีนี้ถ้าหากว่า เราจะให้ถ่ายน้อยลง เราก็น่าจะดื่มน้อยลง มันก็จะไม่มีปัญหา
(อ่านต่อฉบับหน้า)
หน้า
๑๒๒
เก็บเล็กผสมน้อย
- กอไผ่ -
ชาเขียว วิเศษจริงหรือ?
ใจหนึ่งกระจกแมงเม่าก็โล่งๆใจอธิบายไม่ถูกต่อข่าวเชิงลบที่เกิดกับชาเขียวบรรจุขวดยี่ห้อดัง
รู้ว่าพวกเรารู้จักชื่ออยู่แล้ว แต่ไม่อยากย้ำ เนื่องจากพิสูจน์ยังไม่ชัดเจนปัญหาที่เกิดแก่ผู้ดื่มมาจากขั้นตอนใด
การผลิตการขนส่งหรือมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น ใจหนึ่งก็เห็นใจผู้คนในยุทธจักรการค้าชาเขียวทุกยี่ห้อ
เชื่อว่าได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยถ้วนหน้า
ว่าด้วยใจที่โล่ง คือมีความคิดเห็นอันเป็นส่วนตัวแต่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ว่าพวกเรามีอาการ
"เห่อชาเขียว" ด้วยความเชื่อว่า เป็นโอสถ ขนานวิเศษ
จนทุกประเภทอาหารมีส่วนผสมของชาเขียวดาษดื่นไปหมด นอกจากเครื่องดื่มที่กำลัง
ได้รับความนิยม แป้งซาลาเปา ยุคนี้ ก็ผสมชาเขียว รวมทั้งขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยว
ขนมจีบ สบู่ เอาเป็นว่าแชมพูบางรุ่นโฆษณาว่าผสมชาเขียวป้องกันผมร่วงได้อีกด้วย
ยังขาดอยู่ ก็จักรยาน พัดลม สเตอริโอ ที่ยังไม่ผสมชาเขียว
ข่าวเชิงลบที่ครึกโครม ต่อเนื่องหลายวัน กระจกแมงเม่ามั่นใจประชาชนสาวกชาเขียวน่าจะตั้งสติมากขึ้น
กระแสความนิยมเชี่ยวกรากก็น่าจะสงบและเข้าหาเหตุผลมากขึ้น
เข้าใจดี มนุษย์ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องสุขภาพพอมีใครวิจัยว่ามีของดีต่อสุขภาพก็จะทุ่มตัวไปหาแบบที่ภาษาฝรั่งว่า
"ฟีเว่อร์" เช่นเดียวกับที่บ้านเราเคยมีหางจระเข้ฟีเวอร์ ช่วงนั้นของกินของใช้
รวมถึงยารักษาโรคผสมอโรเวร่า หรือ ว่านหางจระเข้ ทั้งนั้น เช่นเดียวกับที่เราเคยมีกเห็ดหลินจือฟีเว่อร์
สักพักว่านหางจระเข้ ก็เสื่อมความนิยม สักพักพวกเราก็จำเห็ดหลินจือไม่ได้
ชาเขียวอยู่ในวัฏจักรอันเดียวกัน เพราะมนุษย์มีความเชื่ออย่างง่ายๆว่า การดูแลสุขภาพนั้น
ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงกินอะไรๆที่เป็นชาเขียวทุกอย่างจะดีเอง?
กระจกแมงเม่าขอถือเป็นโอกาสเล่าสู่กันฟังว่าชาเขียวมีสารชื่อยากๆอยู่ชนิดหนึ่งขออนุญาตไม่จำ
แล้วก็มีผู้วิจัยว่า สารอันนี้ ต่อต้าน, ยับยั้งจนถึงสามารถ ฆ่าเซลล์มะเร็ง
ตรงนี้แหละ เป็นจุดขายประเดิม เริ่มแรก ต่อมาก็มีผลวิจัย สนับสนุนอีกว่า
สารตัวที่ว่าช่วยคุ้มครองผิวพรรณ จากรังสีอุลตราไวโอเลตในแสงแดด ลดระดับ
LDL หรือ คอเลสเตอรอล ผู้ร้ายในเลือด ลดความเสี่ยง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด
บ้างก็ว่าช่วยในการลดน้ำหนัก เลยเถิดไปถึงคุณสมบัติ ในการป้องกันฟันผุ และกำจัดกลิ่น
ไม่พึงปรารถนาในปาก
ชาเขียวมีกรรมวิธีการผลิตต่างจากชาดำและชาอู่หลง
คืออบไอน้ำแล้วกลิ้งด้วยลูกกลิ้งให้ ใบชาแห้งอย่างรวดเร็ว นอกจากทำให้ ใบชาคงมีสี
เขียวก็รักษาสารที่มีประโยชน์ได้มากกว่าชาแบบอื่น
แต่ไม่ใช่ชาเขียว จะดีไปเสียทุกอย่าง เหมือนชาเหมือนกาแฟทั่วไป คือมีกาเฟอีน
ซึ่งกินในปริมาณไม่เหมาะสมก็มีผลให้นอนไม่หลับ และการนอนไม่หลับ จะเป็นที่มาของ
อีกสารพัดความเจ็บป่วย ไม่เฉพาะทางกายแต่ทางจิตใจด้วย
บางคนที่แพ้ จะมีอาการรุนแรงกว่า เช่นว่าหายใจขัด แน่นคอ มีอาการบวม มีผลวิจัยว่าการบริโภคชาเขียว
มากและนานเกินไป นอกจากไม่ช่ว ยต้านมะเร็ง กลับเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร
ข้าพเจ้าแมงเม่ามิได้แสดงตัวต่อต้านชาเขียวแต่อย่างใด
แต่เชื่อเถอะว่าในโลกนี้ไม่มีโอสถวิเศษหรือ "อาหารทิพย์" ที่ไหนกินแล้ว
ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะวิธีทำตัวให้อยู่ห่างจากโรคที่แท้จริง ได้แก่การออกกำลังกาย
อย่างสม่ำเสมอ การกินอาหาร ที่หลากหลาย งดของมัน ลดของทอด รัประทานผักผลไม้สะอาดเยอะๆ
พักผ่อนนอนหลับ อย่างพอเพียง เชื่อเถอะว่า การทำให้สุขภาพดี ต้องทำมากกว่า
แค่การกินชาเขียว
ใครชอบก็เชิญบริโภคต่อไปตามสะดวก
แต่หากคิดว่านี่คือเกราะป้องกันการเจ็บป่วยเบ็ดเสร็จ เปลี่ยนความคิดนั้น
เสียเถอะ สุขภาพที่ดีไม่ง่ายแค่กรอกชาเขียวเข้าปาก?
* น.ส.พ.เดลินิวส์
๑๖ ก.พ. ๒๕๔๘
กินเผ็ดทุกวัน
บำรุงหัวใจแข็งแรง
แถมยังช่วยให้นอนหลับได้สนิท
วิทยุกระจายเสียงของออสเตรเลีย
รายงานว่า มหาวิทยาลัยทัสมาเนีย พบในการศึกษาว่าการกินเผ็ดเป็นประจำ จะช่วยให้
นอนหลับ สนิทดี และยังบำรุงหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย
ข่าวกล่าวว่า นักวิจัยได้ศึกษาค้นคว้าหาคุณประโยชน์ของพริก กับอาสาสมัครจำนวน
๑๐นาย อยู่ในเวลานานถึงปีครึ่ง โดยให้กลุ่มหนึ่ง กินพริกเป็นปริมาณ วันละ
๑๐ กรัม ทุกวัน ที่เหลือนอกนั้นไม่ได้กิน
รองศาสตราจารย์ โดมินิค เจรากตี หัวหน้าคณะนักวิจัย ได้เปิดเผยผลของการศึกษาว่าการกินพริกช่วยให้
นอนหลับสนิทดี การนอนหลับเต็มอิ่ม ยังให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงดีอีกด้วย
หรืออาจจะบอกได้ว่า พริกเป็นสารอาหารธรรมชาติที่กินในปริมาณเล็กน้อยเป็นประจำได้ทุกวัน
และยังบำรุงหัวใจ และหลอดเลือดอีกด้วย.
* น.ส.พ.ไทยรัฐ ๑๒ ต.ค.
๒๕๔๘
ที่นอนใยสังเคราะห์
ไรฝุ่นเพียบ
แพทย์ออสเตรเลียแนะให้ใช้เครื่องนอนจากใยธรรมชาติ
และหลีกเลี่ยงเครื่องนอนที่มีส่วนประกอบจากวัสดุสังเคราะห์ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่เด็กทารกจะกลายเป็นโรคหอบ
หืด
ดร.เลจ เอฟ ทรีวิเลียน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ได้ทำการศึกษาข้อมูลจากเด็กจำนวน
๘๘๓ คน โดยดูจาก ข้อมูลสุขภาพ สมัยที่ยังเป็นเบบี้ เมื่อปี ๒๕๔๑ เพื่อศึกษาสาเหตุของอาการหืด
หอบ
งานวิจัยดังกล่าวเริ่มจากศึกษาข้อมูลงานวิจัยก่อนหน้านี้ แต่ได้เน้นความเสี่ยงที่เด็กจะสัมผัสกับตัวไรฝุ่นในบ้าน
จากเครื่องนอน และพบว่าบ้านที่มีไรฝุ่นน้อยที่สุด เป็นบ้านที่ใช้เครื่องนอนวัสดุธรรมชาติ
ไม่ใช้วัสดุสังเคราะห์
ส่วนเครื่องนอน ที่ใช้วัสดุที่ทำจากหนังแกะ หรือวัสดุสังเคราะห์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ทีมงาน พบว่ามีตัวไรฝุ่น อยู่ในเครื่องนอน ที่มีวัสดุสังเคราะห์ เป็นองค์ประกอบ
ตั้งแต่ ๑-๒ ชนิด ขึ้นไปมากที่สุด ทั้งชนิดที่มีหนังแกะ และไม่มีหนังแกะ
เป็นส่วนประกอบร่วม
จากการสำรวจ ทารก ประมาณร้อยละ ๖๔ ใช้ที่นอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ชนิดเดียว
ที่ทารกเพียงร้อยละ ๒๗ เท่านั้น ที่ใช้เครื่องนอน จากใยธรรมชาติ ส่วนที่เหลือใช้เครื่องนอนที่เป็นวัสดุผสม
โดยเด็กอายุ ๗ ขวบ ที่ใช้เครื่องนอน ทำจากวัสดุผสม ระหว่าง ใยสังเคราะห์
กับใยธรรมชาติ มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการจาม ในตอนกลางคืน มากกว่าเด็กที่ใช้เครื่องนอน
จากวัสดุธรรมชาติ
การค้นพบ ดังกล่าว ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึง บทบาทสำคัญ เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม
บริเวณที่นอนทารก ที่อาจส่งผลให้เกิด อาการหอบ หืดได้ และยังแนะนำ ให้หน่วยงานทางด้านสาธารณสุข
รณรงค์เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจถึงสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อทารก
* น.ส.พ.คมชัดลึก ๑๙ ธ.ค.
๒๕๔๘
อาหารไม่ย่อย
เกิดจากช่องท้องไม่ได้เคลื่อนย้ายอาหารไปยังระบบย่อยตามหน้าที่ปกติ ทำให้คุณมีอาการ
... l พะอืดพะอมและคลื่นไส้ l รู้สึกอิ่มจนแน่นท้อง l หน้าท้องบวมมากl ปวดท้องหรืออึดอัดมากกว่าจะเจ็บ
คุณสามารถป้องกันได้ ถ้าไม่รีบร้อนกินและไม่กินอาหารแต่ละมื้อให้มากจนเกินไป
ในแต่ละมื้อก็ควรมีสัดส่วนของผัก และ ผลไม้มากๆ คุณสามารถเสริมประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารได้ด้วยการดื่มน้ำเปล่าวันละ
๒ ลิตร และยาคูลท์ ๑ ขวด ซึ่งมีแบคทีเรีย โปรไบโอติก ที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกายจำนวนมาก
สิ่งสำคัญอีกประการคือ... คุณควรกินอาหารให้หลากหลายประเภทเข้าไว้ จะได้เกิดสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
ซึ่งจะช่วยให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพขึ้น
* นิตยสารเรื่องผู้หญิง
หน้า ๑๒๕
กรรมนี้มีผล
ดิฉันอ่านคอลัมน์กรรมตามสนองฉบับเดือนกันยายน
'๔๘ จบก็ย้อนถึงเรื่องของตัวเองทันที สมัยประมาณ ป.๓ ป.๔ ชอบมาก ที่เห็นมดแดง
มดดำ หรืออะไรที่ผ่านๆมา มีน้ำร้อนจัดการลวกเป็นแถว มีไฟมีกระดาษจุดไล่ตายเป็นพรวน
ถ้าไม่มีอุปกรณ์ใด ก็ใช้มือนี่แหละบี้ๆตายตามๆกัน รู้สึกสะใจมาก
อ่านหนังสือ เห็นว่ายุงชอบกลิ่นอับๆ กลิ่นเหงื่อแรงๆ ก็หาเสื้อผ้ามาไว้ตามมุมมืด
ตบยุงแบบสนุกมือ มือปวดมือเจ็บ ไม่เคยอุทธรณ์
พอเริ่มทำงานได้ ๒ ปี กลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่
ทางบ้านมีอาชีพทำสวนเป็นอาชีพรองจากรับราชการ (พ่อแม่เป็นครู ข้าพเจ้าและน้องสาวเป็นพยาบาล)
ช่วงที่ลงสวนตอนเย็นจะเจอหนอนตัวแดง ที่ขดใต้เปลือกแข็งๆน่ะค่ะ จะรู้สึกสะใจมากที่ต้องฆ่ามันให้ตาย
พ่อแม่น้องทุกคนไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับหนอนพวกนี้นะคะ แต่ข้าพเจ้าบอกเลย....ไม่ได้
วันเสาร์หรือวันหยุดเมื่อเสร็จภาระกิจอื่น ต้องลงสวน หยิบขวดแก้ว หรือขวดน้ำซีอิ้วที่หมดแล้ว
พร้อมที่คีบน้ำแข็ง เพื่อลงไปหาเจ้าหนอนพวกนี้ หยิบทีละตัวใส่ขวด แล้วก็เอาไปทิ้งไว้กลางแดดหรือที่ร้อนๆ
มันจะหนีไปไหนได้คะ สักครู่(ครู่ใหญ่พอสมควร) มันก็ตายหมด ทำเท่าไหร่ตัวพวกนี้ไม่เคยลดจำนวนเลย
เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆจนงง พ่อแม่น้อง ก็บอกอย่าทำ ไม่อยากเห็นก็ไม่ต้องลงสวน
แต่ก็ไม่เคยสนกับคำพูดของท่านเลย
มาปี '๓๘(๓ ปีต่อมา) ร่างกายเริ่มไม่ปกติ
ปวดข้อ ปวดตามตัว ปวดเมื่อย ทำงานนิดๆหน่อยๆได้เรื่องแล้ว ตรวจพบว่าเป็น
SLE (ภูมิแพ้ตนเอง) หมอบอกโรคนี้ไม่มีใครหาย มีแต่ตายกับตาย ที่สำคัญถูกแดดแล้ว
อาการกำเริบทันที แดดต้องเลี่ยง ร่างกาย ต้องพัก อาหารต้องดูแล สารพัดที่หมอบอก
ทำทุกอย่าง แต่อาการที่ผ่านๆมาก็ไม่ดีขึ้นเลย เพื่อนร่วมโรคชะตากรรม(โรคเดียวกัน)
ประมาณ ๓๕-๔๐ คน ตายหมดแล้ว ตอนนี้ทั้งอำเภอเหลือข้าพเจ้าคนเดียว ยาทุกๆอย่าง
ทุกๆขนาน ทุกๆภูมิภาค และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ข้าพเจ้าไปหา จนหมด ทุกคนก็ให้ทำใจ
สรุปเกือบทุกท่าน โรคของกรรม กรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ ทำปัจจุบันและอดีตมันกำลังส่งผลมาเรื่อยๆ
จนปัจจุบันข้าพเจ้าเบื่อหาหมอ เบื่อกินยา แต่ถ้าวันไหนไม่กินยา ไม่ฉีดยา
วันนั้นก็ลุกไปทำงานไม่ได้ รอยฉีดยาที่สะโพกทั้งสองข้างแทบจะหาที่ฉีดไม่ได้แล้ว
เจอญาติๆ ที่นานๆเจอกันที ต้องถามเรื่องสุขภาพ เรื่องกินยาไม่สนุก ไม่อยากให้ถาม
แต่ก็ไม่รู้จะให้พวกเขาถามเรื่องอะไร
มีคนถาม และถามตัวเองว่าอยากหายมั้ย
ข้าพเจ้าเองก็ให้คำตอบไม่ได้ แต่ถ้าหายแล้ว หมายถึงใช้กรรมหมดแล้วนะ กรรมเก่า
สะสางแล้วนะ อย่างนี้ก็อยากหายค่ะ
น้ำฉี่ ดีท๊อกซ์ อาหารรสจืดสนิทที่สุดเลย ทำทุกอย่างเพื่ออยากให้สุขภาพดี
ที่สำคัญ ครอบครัวที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ต้องวิตกกังวลกับข้าพเจ้าด้วย
ดีใจ ภูมิใจกับชาวอโศกทุกท่าน ท่านรู้ ท่านเห็น และท่านได้เดินทางมาดี เส้นทางที่ถูกต้อง
ญาติพี่น้องของข้าพเจ้าปฏิเสธเรื่องเหล่านี้ก็เยอะ แต่ข้าพเจ้ารวมถึงครอบครัว
สัญญาว่าจะต้องทำดี และทำดีให้ดีที่สุด กรรมอาจไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด แต่ก็พอใจที่กรรมชั่วจะไม่เพิ่มขึ้นมาอีก
- น.ส.สุนิดา เชื้อดวงผูย -
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอนาแก จ.นครพนม
หน้า ๑๒๖
ธรรมะประทับใจ (๑๑๕)
เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้ยินครูบาอาจารย์ของข้าพเจ้าบอกว่า
"ทุกวันนี้การศึกษามันล้มเหลว มันไม่ใช่ล้มเหลวเฉพาะเมืองไทย แต่มันล้มเหลวไปทั่วโลกเลย"
แต่ก่อนข้าพเจ้าฟังดูก็งงๆ มันล้มเหลวยังไงนะ
พอมาถึงวันนี้ก็พอจะเข้าใจด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของข้าพเจ้าว่า
ก็คนที่เรียนสูงๆจนจบปริญญาทำไมต้องมีปัญหา คนเรียนจบปริญญาตกงาน ตกงานบางทีไม่อยู่เปล่าๆอีกด้วย
แถมด้วยการประท้วง ยังไม่เห็นคนไม่เรียนหนังสือ รวมตัวกัน ประท้วงเลย วันนี้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสดูรายการ"สู้แล้วรวย"
เถ้าแก่โรงสีข้าวตั้งตัวมาด้วยเงินแค่ ๒.๕๐ บาท ฟังแล้วดูไม่น่าเชื่อ แถมไม่ได้เรียนหนังสืออีกต่างหาก
การศึกษาที่ว่าล้มเหลวก็เพราะว่า ยิ่งศึกษาไปยิ่งเห็นแก่ตัวจัด เอาเปรียบ
แย่งชิง กอบโกย อกตัญญู ไม่รู้บุญคุณพ่อแม่และ แผ่นดิน
อาจารย์ของข้าพเจ้าเล่าให้ฟังว่า
ในการจาริกครั้งหนึ่งได้ไปปักกลด ณ ชนบทแห่งหนึ่ง มีอยู่บ้านหนึ่งมีลูกสาว
๒ คน คนโตช่วยแม่ทำนาอยู่บ้าน ส่วนคนน้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ
พอแม่พูดถึงลูกสาวคนโตที่อยู่ช่วยพ่อแม่ ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ทำไร่ ทำนา
สายตัวแทบขาด กลับถูกพ่อแม่พูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า อีนี่มันโง่ ส่วนพูดถึง
ลูกสาวคนเล็ก ที่ไปเรียนในเมืองหลวง ใช้เงินจากพี่สาวหามากลับพูดด้วยความชื่นชม
แถมลูกสาวคนเล็กกลับมาบ้านก็แต่งตัวสวยๆ ตามสมัยนิยม ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กินแล้วก็เที่ยวเตร่
ดูหนังสือ ไม่ช่วยงาน แต่แม่กลับชื่นชม เห็นแล้วก็น่าอนาถ การศึกษากับค่านิยม
ที่ผิดพลาด ใครถามถึงลูกสาวคนเล็กแม่ก็จะตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า มันเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยในเมือง
คนยิ่งเรียนมากยิ่งเป็นทาสตะวันตก
เป็นทาสเงิน เป็นทาสนายทุนต่างชาติ ต่างชาติอยากรู้ความลับอะไรของเรา ก็ให้เรา
ทำวิจัย ไปให้เขา ส่วนเขาก็มอบกระดาษให้หนึ่งใบ เรียกมันว่า ปริญญา เราก็มาภาคภูมิใจ
ส่วนเขาก็เอาผลงานวิจัยของเราไปจดลิขสิทธิ์ก็เท่ากับเราเอาผลงานไปแลกกระดาษ
กับความถูกหลอกให้ภูมิใจ ก็สงสัยนักว่าทำไมยิ่งมีการศึกษายิ่งฉลาดน้อย
นักศึกษาบางคนผมดำอยู่ดีๆ
ก็ไม่ชอบ ไม่ทันสมัยต้องไปย้อมผมสีแดง บ้างก็ถูกหลอกให้ใส่กางเกงในตัวเดียวเที่ยวเดินโชว์
ยิ่งเรียนสูง ยิ่งต้องลงทุนสูง เรียนไปเรียนมาเลยต้องขายหมดเลย ที่ดินที่พ่อแม่เคยทำกินก็ต้องขายส่งลูกเรียน
พอเรียนจบมา ก็ตกงาน ที่ดินที่พ่อแม่ เคยทำกินก็ไม่มี ต้องไปเช่าเขาทำมาหากิน
การศึกษาจะทำให้กินง่ายอยู่ง่ายก็เปล่า
แต่ก่อนกินขนมครกก็ได้ แต่มีการศึกษาสูงต้องกินขนมเค้ก ผัดไทยที่เคยกินก็เปลี่ยนไปเป็นพิซซ่า
หนังไทยดูไม่ได้แล้วต้องดูหนังฝรั่ง วัฒนธรรมไทยที่ดีๆก็เลือนหาย
การศึกษาเปลี่ยนคนได้จริง
แต่เปลี่ยนไปสู่ความล้มเหลว
- โพธิ.....ผู้ตาม -
หน้า ๑๒๗
หอมดอกพุทธา
- แม่น้ำ ลักขิตะ -
ตั้งคำถามเพื่อพัฒนาตนเอง
"คนประเสริฐกว่าส่ำสัตว์
เพราะคนรู้จักตั้งคำถาม"
เราจะสังเกตได้ว่า เด็กคนไหนชอบตั้งคำถามกับผู้ใหญ่ บอกได้เลยเด็กคนนี้โตขึ้นฉลาดแน่
การตั้งคำถามนำมาซึ่งการพัฒนาสมอง เพราะถ้ามีคำถามผุดขึ้นมา สมองต้องสร้างกระบวนการค้นหาคำตอบคนที่ไม่ชอบ
ตั้งคำถาม ไม่ชอบคิด ปฏิภาณการแก้ปัญหาจะเฉื่อย ไม่แววไว กระบวนทำงานของสมองไม่คล่องตัว
กลายเป็นคนคิดงุ่นง่าน และโง่อย่างเบ็ดเสร็จในที่สุด
ถามว่า วิทยาการล้ำยุคในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นอย่างไร?
เพราะนักวิทยาศาสตร์ไม่เคยหยุดตั้งคำถาม การหาที่คำตอบก่อวิทยาการใหม่ๆขึ้น
สืบเนื่องกันเรื่อยมาจากอดีต จวบปัจจุบัน และยังจะดำเนินต่อไป อนาคตไม่มีที่สิ้นสุด
ตราบคนไม่หยุดตั้งคำถาม กระบวนการแสวงหาคำตอบ จะทำหน้าที่ ของมันต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ นามก้องโลกทั้งหลาย พวกเขาล้วนเป็นเจ้าปัญหาไม่สามัญ ตั้งคำถามในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ถามกัน
คิดในสิ่งที่คนอื่น คาดไม่ถึง ช่างสังเกต ช่างจดจำ ทำให้พวกเขาสร้างสิ่งมหัศจรรย์บนโลกมากมาย
ทั้งที่ก่อประโยชน์และโทษมหันตภัย
ปุจฉา...เป็นหนึ่ง ในองค์ของหัวใจนักปราชญ์ ผู้เป็นนักปราชญ์ได้ต้องหมั่นตั้งคำถาม
ฉลาดหาคำตอบ ปราชญ์เอก ของโลก ท่านตั้งคำถาม กับตัวเองว่า ทำอย่างไรหนอ...เราจะไม่เกิด
แก่ เจ็บ ตาย ?
พระพุทธเจ้าเริ่มค้นหาสัจจธรรมหลังตั้งคำถามนี้...แล้ว ๖ ปีต่อมาท่านก็ได้คำตอบ
เมื่อคนต้องเผชิญปัญหา เรามักจะกลุ้ม โศกโศกาจาบัลย์ มืดมนสับสน....จนลืมตั้งคำถามหาเหตุแห่งปัญญา
กระบวนการสะสาง จึงไม่ก่อเกิด ปัญหาค้างคาไม่แก้สักที ทำให้ชีวิตระทมทุกข์อยู่เป็นนาน
รู้จักตั้งคำถามเมื่อถูกกล่าวหา....อย่าเอาอารมณ์ปึงปังเข้าว่า ไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่
และไม่ช่วยคลี่คลายข้อกล่าวหาใดเลย ยิ่งเพิ่มภาพลบให้ตัวเสียอีก
เราพึงถามตัวเองก่อน เขากล่าวหาเป็นจริงแค่ไหน? หรือว่าเท็จทั้งสิ้น?...หากจริงเรากล่าวขอบคุณเขา
รับไปปรับปรุง
ถ้าเป็นเท็จ...สงบนิ่งไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ประมาณองค์รวมการกล่าวหาให้ดี
ว่าควรกล่าวแก้ หรือนิ่งเสียจะดีกว่า ให้กาลเวลาพิสูจน์ตัวมันเอง
รู้จักตั้งคำถาม เมื่อกระบวนชีวิตเกิดผิดพลาด...อย่าเพิกเฉยดูดาย ทำเป็นลืมผ่านไปวันๆ
เป็นเหตุให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ผิดอยู่เรื่อยๆ ผิดจุดไหนเร่งแก้ไข พลาดคราใดจำไว้เป็นบทเรียน
เพื่อกระทำอนาคตของเราให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไป อย่างไม่หยุดยั้ง ต่อความประเสริฐ
รู้จักตั้งคำถามเมื่อใจเกิดทุกข์...อย่าเอาแต่หม่นเศร้าซับน้ำตา ไม่ช่วยให้ทุกข์จางคลายได้หรอก
มองให้ออก เราทุกข์ เพราะเหตุใด กันแน่? ปีกแห่งความหวังใดถูกหัก หรือจิตเข้ายึดถือสิ่งใดเป็นอัตตาว่าเที่ยงแท้มิแปรผัน
เปลื้องทุกข์ด้วยปัญญา ศึกษาให้กระจ่างถึงหลักสัจจธรรม แล้วนำมาคลี่คลายปัญหาอันก่อทุกข์
สอนใจตนให้เห็นจริง ในสัจจะ โลกนี้เอาแน่ไม่ได้ มีเกิดมีตาย มีได้มีเสียเป็นธรรมดา
บอกกับใจปลงวางเสียเถิดประเสริฐสุด
รู้จักตั้งคำถามที่ประเสริฐ แล้วกระบวนก่อเกิดอาริยญาณจะตามมา พาดวงจิตหลุดพ้นห้วงทุกข์ทนในที่สุด
เส้นทางชีวิตไม่เคยตัน หากเรารู้จักตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วค้นหาทางออก สักวันต้องพบจนได้แหละ
หน้า ๑๒๘
วันเด็ก '๔๙
# # #
สันติอโศก
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๙
ณ บริเวณใต้ศาลาวิหารพันปี สันติอโศก
"รู้ดี สำนึกดี ทำดีจนสำเร็จ ประเสริฐแท้กว่า
รู้ดี แต่ไม่ทำ หรือทำแต่ทำไม่สำเร็จ"
เป็นคำขวัญวันเด็ก ที่ได้มาจากพ่อท่าน เป็นโอวาทสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ทุกๆคน
สำหรับปีนี้ความสนุกสนานที่มีสาระ ความเสียสละ เป็นพ่อให้แม่ให้ของผู้ใหญ่ใจดีที่มอบให้กับเด็กๆมีมากมาย
ร้านอาหารต่างๆได้รับความกรุณาจากชาวชุมชน และ ญาติธรรม รวมถึงกลุ่มผู้ปกครองต่างๆ
ที่มาเปิดร้านอาหารแจกกันไม่อั้น
กิจกรรมต่างๆก็มีเหมือนเช่นทุกๆปี
แต่ไม่ได้เป็นที่เบื่อหน่ายของเด็กๆเลย เด็กๆทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ ยังสนุกกับ
กิจกรรมต่างๆ เช่นเดิม เริ่มจากซุ้มสอยดาว ซุ้มคัดไทย-เขียนไทย ซุ้มวาดภาพ
เป็นต้น รวมแล้วมีทั้งหมด ๑๒ ซุ้ม สำหรับในปีนี้ เรามีนโยบายที่จะให้ผู้ใหญ่เข้ามาร่วมสนุกกับพวกเด็กๆ
ให้เข้าทำกิจกรรมต่างๆกับเด็กๆด้วย ซึ่งดูเป็นบรรยากาศของครอบครัวอย่างแท้จริง
ผู้เฒ่าผู้แก่ได้รับการต้อนรับจากลูกหลาน ถึงแม้ว่ารายการบนเวทีจะล่าช้า
เนื่องจากต้องรอให้ทางด้านศาลาฟังธรรมเทศน์จบก่อน แต่ก็ไม่ทำให้เด็กๆขาดความสนุก
ยังคงดำเนินกิจกรรมทางด้านซุ้มต่างๆได้ตามปกติ จากการคำนวณโดยประมาณคาดว่าผู้ที่มาร่วมงานน่าจะไม่ต่ำกว่า
๓๐๐ คน นับจากบัตรเข้างาน
ในปีนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวชุมชน
และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้ช่วยทั้งของบริจาค อาหาร และส่งตัวแทน มาประกวด
แฟนซี สร้างสีสันในงานเป็นอย่างมาก นอกจากชาวชุมชนแล้ว ยังมีสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าของสสส.
มาจัดซุ้ม ทำกิจกรรม และสร้างบรรยากาศครื้นเครง
อีกมุมหนึ่งของงานซึ่งถ้าไม่มี
งานก็คงกร่อยพอควร นั่นคือ ตลาดอาริยะขายของต่ำกว่าทุน ได้รับความอนุเคราะห์จาก
บจ.แด่ชีวิต รายได้ทั้งหมดนำไปสมทบทุนจัดงานค่ายยุวพุทธฯ ซึ่งจะมีขึ้นทุกๆปีในเดือนเมษายน
ของขวัญต่างๆที่นำมาเป็นรางวัลให้เด็กได้รับการสนับสนุนจาก
บจ.พลังบุญ บจ.ขอบคุณ บจ.ฟ้าอภัย และผู้มีจิตศรัทธาที่นำมาสมทบหลายท่านด้วยกัน
เกมภาคบ่ายที่กำหนดไว้มีหลายอย่าง แต่เนื่องจากเวลามีไม่พอจึงต้องงดไปหลายเกม
ส่วนเกมที่คงไว้ และขาดไม่ได้คือ เกมบูชา บุพการี ยังคงสร้างความประทับใจ
และอดอมยิ้มไม่ได้สำหรับคู่แม่-ลูกบางคู่
กิจกรรมที่เฮฮาที่สุดน่าจะเป็นการประมูลของรักของหวง
ซึ่งปีนี้มีของมาประมูลมากกว่าทุกๆปี แต่ทางผู้ดำเนินรายการไม่สามารถประมูลของทั้งหมดได้
จึงประมูลของไปได้ไม่กี่ชิ้น เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ รายได้จากการประมูลของก็จะเป็นกองทุนสำหรับค่ายยุวพุทธฯเช่นกัน
ปิดท้ายรายการด้วยการแจกรางวัลต่างๆ เป็นที่ภาคภูมิใจของเด็กๆที่พวกเขาสามารถเข้ารอบคัดเลือกจนได้รับรางวัล
จบงานด้วยของฝากจาก สมณะสิริเตโช กล่าวปิดงาน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่น้อมรับด้วยความเคารพ
# # #
ภูผาฟ้าน้ำ
มีการจัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ ๑๔ ม.ค.'๔๙ ณ เฮือนญะกิ๋น ภูผาฟ้าน้ำ ปีนี้ไม่มีการแสดง
แต่จัดให้เด็กได้ใส่บาตร ฟังธรรม และรับมอบใบเกียรติบัตรนิสัยดีในด้านต่างๆ
# # #
หินผาฟ้าน้ำ
จัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ ๑๔ ม.ค.'๔๙ โดยให้มีฟังเทศน์ฟังธรรม และทำกิจกรรมที่มีสาระ
เช่น การออกกำลังกาย การแสดงโปงลางของเด็ก ซึ่งอ.ม่านพร มาร่วมให้กำลังใจด้วย
# # #
ศาลีอโศก
ชาวชุมชนและคณะครูได้ร่วมกันจัดงานในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ม.ค. เนื่องจากวันที่
๑๔ ม.ค. ติดกิจกรรมอบรมข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เช้ามืด สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร สนทนาธรรมกับนักเรียน แล้วนักเรียนส่วนหนึ่งลงฐานครัวทำอาหารกับผู้ใหญ่เพื่อเรียนรู้คุณธรรมแห่งการให้
ช่วงสาย รับพรจากสมณะและสิกขมาตุ ร่วมรับประทานอาหารบริเวณศาลา ชมวิดีโอย้อนยุคชีวิตสัมมาสิกขารุ่นพี่และกิจกรรมเข้าค่ายสมัยต้นๆ
ภาพเก่าๆทำให้นักเรียนหลายคนประทับใจ
ภาคบ่ายเป็นกิจกรรมในร่มและกลางแจ้ง
เช่น เกมวิบาก ขี่จักรยานช้า เป็นต้น
เป็นที่น่าสังเกตว่า วันเด็กปีนี้ ผู้นำ/ผู้บริหารของชุมชนศาลีอโศก ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับเด็กด้วยความยินดี
ภาพผู้ใหญ่กับเด็กสร้างความอบอุ่นและความกลมกลืน ซึ่งยากจะเห็นในภาวะปกติ
ทำให้เด็กๆเกิดความอบอุ่น
ภาคค่ำ เป็นรายการบริเวณศาลา
มอบเสียงเพลงให้แก่กันและกัน สลับการละเล่น อื่นๆ สุดท้ายจบลงด้วยการจับสลาก
ของขวัญ ซึ่งปีนี้ของขวัญมีปริมาณมากกว่าปีก่อนๆ ทำให้ต้องจับกันหลายรอบ
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะเมื่อผู้ใหญ่บางท่านจับรางวัลได้ของที่ขัดกับวัยของตัวเอง
งานจบลงด้วยรอยยิ้มและหัวใจ เอิบอิ่มของเด็กๆที่ซึ้งในน้ำจิตน้ำใจของผู้ใหญ่ในชุมชน
# # #
บ้านราชฯ
หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศกจัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๙ ช่วงเช้าบำเพ็ญประโยชน์ทำงาน
ในหมู่บ้าน และช่วยกันจัดสถานที่จัดงาน ช่วงบ่าย ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. ชมภาพยนตร์ที่เฮือนเพิงกัน
ในเวลา ๑๗.๐๐ น. เด็กๆแต่ละคนแต่งตัวแฟนซีแล้วรวมตัวฟังธรรมเปิดงานวันเด็กจากสมณะเดินดิน
ติกขวีโร ท่านได้ฝากกับเด็กๆว่า ทำงาน ก็ให้สบาย เวลาหยุดก็ให้สนุกให้ได้ทั้งประโยชน์สูงประหยัดสุดได้ทั้งสนุกทั้งสบาย
ชีวิตที่จะประสบผลสำเร็จคือ รู้ดี สำนึกดี แล้วต้อง ทำดีให้ได้ หลังจากนั้นเป็นกิจกรรมสนุกสนานเข้าซุ้มวันเด็กที่ศาลาฝั่นเซียว
แต่ละคนที่จะเข้าซุ้มถูกปิดตาลอดซุ้ม ผ่านด่าน ล้วงไห ชิมอาหาร ปะแป้งแต่งตัว
เสร็จแล้วรับประทานอาหารและชมการแสดงของเด็กและผู้ใหญ่ สลับกับการเล่นเกม
ในวันนี้อบอุ่นอิ่มอร่อยแบบครอบครัวใหญ่ กิจกรรมเสร็จสิ้นในเวลา ๒๐.๓๐ น.
หลังจากนั้นฟังอาปะดาวบุญ ชาวหินฟ้า คุรุฝ่ายปกครองกล่าวปิดงาน เด็กๆช่วยกันเก็บงานอย่างสมัครสมานสามัคคี
- ครูตุ๊ก รายงาน -
หน้า ๑๓๒
งานฉลองหนาว
ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๔
ปิตุบูชา ปัญญาสมโภช
พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ๗๒ ปี
งานฉลองหนาวปีนี้ กว่าจะแน่ใจว่าจะแน่นอน
ก็วันพุธที่ ๒๕ ม.ค.๒๕๔๙ สาเหตุเพราะชาวอโศกไปร่วมชุมนุมคัดค้านเบียร์เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์
ศาลาซาวปี๋ที่เปลี่ยนมามุงแป้นเกร็ด ก็เสร็จก่อนงานหนึ่งวัน พ่อท่านบอกว่างานฉลองหนาว
เป็นงานที่เรียบง่าย เป็นงานที่ให้ชาวอโศกได้มาพักผ่อน
ก่อนเริ่มงานหนึ่งวัน ก็ได้เปิดตลาดอาริยะขายเสื้อและผ้าห่ม ได้รับความสนใจจากชาวบ้านพอสมควร
งานเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๗-๒๙ ม.ค. ๒๕๔๙ งานนี้ไม่มีทำวัตรเช้าและการแสดงธรรมก่อนฉัน
แต่จะมีเวทีกลางลานหน้าศาลา ซาวปี๋ เปิดให้สมณะและญาติโยมขึ้นมาแสดงธรรมหรือพูดธรรมะได้
เป็นการฉลองปัญญาสมโภช โดยมีกติกาว่า เมื่อใครแสดงธรรมแล้วมีผู้จะขึ้นมาแสดงธรรมต่อ
ก็ให้มานั่งคอย ส่วนผู้แสดงธรรมอยู่ ก็ให้ยุติลงภายใน ๕ นาที
** วันศุกร์ที่ ๒๗ ม.ค.
๒๕๔๙
๐๖.๐๐ น. อ.๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต ได้พูดคุยกับสมณะนวกะ และแบ่งงานให้ช่วยกันจัดเตรียมพื้นที่ข้างลำธาร
เพื่อใช้แข่ง กีฬาอาริยะ ช่วยขนฟืน ดูแลจัดกุฏิ ทำความสะอาด
วันนี้เยาวชนผู้นำ ๖ ชาติ มีเขมร ลาว เวียดนาม จีน พม่า ไทย รวม ๑๖ คน นำโดยคุณสมภพ
มาเยี่ยมชมงาน และมาสนทนาธรรมกับสมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
๑๙.๐๐ น. อ.๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต และสมณะเดินดิน ติกขวีวโร กล่าวเปิดงาน
เน้นความเรียบง่าย ปีนี้ไม่มีการแสดง บนเวที มีแต่การแสดงธรรม ให้เป็นบรรยากาศปัญญาสมโภช
และเล่าบรรยากาศที่พวกเราไปคัดค้านต้าน เบียร์เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ ที่ถนนวิทยุ
** วันเสาร์ที่ ๒๘ ม.ค.
๒๕๔๙
ช่าวเช้านี้ ท่ามกลางสายหมอก ทราบข่าวว่า พ่อท่าน มาร่วมงานฉลองหนาวไม่ได้
เพราะอาพาธ
อาจารย์ ๑ เปิดเวทีปัญญาสมโภช ๗ โมงเช้าก่อนสมณะออกบิณฑบาต จากนั้นอาจารย์
๒ (สมณะร่มเมือง ยุทธวโร) สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ แสดงธรรม จนถึงช่วงบ่ายมีการแข่งขันกีฬาจักตอก
เก็บผักป่า หาฟืน
วันนี้ตอนแรกข่าวว่าพ่อท่านไม่มา พอสายหน่อยมีข่าวว่า พ่อท่านมาที่ ชมร.ช.ม.
อีก ก่อนเที่ยงก็มีข่าวว่า พ่อท่าน กำลังมา พอรถจ้าวงเขาขึ้นมา จึงทราบว่า
ที่มาคือรูปปั้นรูปพ่อท่านสมัยฆราวาสอายุ ๑๙ ปีนั่นเอง
หลังจากแข่งกีฬาอาริยะ ช่วง ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. ชาวแด่ชีวิตและญาติธรรม ช่วยกันขนหินซ่อมสะพานถักทอใจ
ด้วยความเบิกบาน แจ่มใส
ภาคค่ำ สมณะดินดี สันตจิตโต เล่าบรรยากาศ การเดินทางมาร่วมงานฉลองหนาว อ.สุเมธ
ร้องเพลง สมณะ ฟ้าไท และอาจารย์ ๑ พูดถึงเรื่องการคัดค้านเบียร์เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์
สมณะเดินดิน ติกขวีโร พูดว่า หากเลือกตายได้ ก็จะเลือกตายที่นี่ เพราะที่นี่
มีพลังสงบ ขึ้นมาที่นี่นอนแล้วสมองโล่งเลย คนอยู่ที่นี่ได้เป็นคนพิเศษ คนพิเศษเพราะมีใจที่วิเศษ
หากเลือกเกิดได้ ก็จะเลือกเกิด ที่บ้านราชฯ
** วันอาทิตย์ที่ ๒๙ ม.ค.
๒๕๔๙
๐๖.๐๐ น. มีการฟ้อนเจิง วันนี้มีผู้มาร่วมงานมากกว่าทุกวัน หลังจากบิณฑบาตแล้ว
สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ เปิดเวที แสดงธรรม เริ่มจากมงคลข้อที่ ๒๙ สมณานัญจะ
ทัสสนัง เอตัมมัง คลมุตตมัง การได้พบสมณะเป็นมงคลอันอุดม เมื่อพบสมณะแล้วต้องสนทนาธรรมจึงเป็นมงคลข้อที่
๓๐ เมื่อสนทนาธรรมแล้ว รู้ข้อบกพร่องของตนเองแล้วตั้งตบะ จึงเป็นมงคล ข้อที่
๓๑ เมื่อตั้งตบะแล้ว ต้องประพฤติพรหมจรรย์จึงเป็นมงคล จากนั้น อ.๑ และสมณะดินดี
สันตจิตโต ขึ้นมาแสดงธรรมต่อ
ช่วงบ่าย มีการแข่งขันผ่าฟืน สีข้าว ตักทราย บรรยากาศสนุกสนานมาก ชาวหัวเลามาร่วมงานและมาช่วยเชียร์
มีการปล่อยโคมลอยด้วย
รายการภาคค่ำคืนนี้ อ.๒
แสดงธรรม และสมณะดินดี สันตจิตโต แจกรางวัล ผู้ชนะการแข่งขันกีฬาอาริยะเก็บผักป่า
ที่ ๑ คือ ทีม SSP ภูผาฯ ที่ ๒ คือ ทีมเด็กดอย ภูผาฯ ที่ ๓ คือ ทีมแม่น้อย
หัวเลา
กีฬาหักฟืน ที่ ๑ คือ ทีมแด่ชีวิต+หัวเลา จาก กทม.-หัวเลา ที่ ๒ คือ ทีมเพื่อนรัก
กทม. ที่ ๓ คือทีม B.ng ภูผาฯ เก็บผักป่า และหักฟืน ทีมหนึ่งมี ๓ คน
สีข้าวด้วยมือ ที่ ๑ ก็คือ ทีมสู่ผืนดิน+หมอกฟ้า ลำพูน+เชียงใหม่ ที่ ๒ คือ
ทีม สส.ภ.(ภูผาฯ) ที่ ๓ คือ ทีมพิลัยวรรณ แก้วคำ ศีรษะอโศก
ตักทราย ที่ ๑ คือ ทีมแม่เมืองหลวง ที่ ๒ คือ ทีมน้ำตกหมอกฟ้า ที่ ๓ คือ
ทีมหัวเลา
กีฬาสีข้าวด้วยมือกับตักทราย มีทีมละ ๕ คน
ผ่าฟืนชายเดี่ยว ที่ ๑ คือ นายสุวัฒน์ จากหัวเลา ที่ ๒ คือ นายเทพพลัง จาก
ชมร.สันติฯ ที่ ๓ คือนายอาทิตย์ ปุ่นเลอโม จากหัวเลา
ผ่าฟืนหญิงเดี่ยว ที่ ๑ คือ นางเพ็ญ ริเชอ จากหัวเลา ที่ ๒ นางจันทร์ แสงแก้ว
จากหัวเลา ที่ ๓ นางสุจิต จากหัวเลา สำหรับ ผ่าฟืนหญิง มีรางวัลพิเศษลีลาประทับใจกรรมการ
ได้แก่ น.ส.ปีกฟ้า เภาประเสริฐ จากสันติฯ
จักตอก ที่ ๑ นางปัน จากแม่เลา ที่ ๒ นางสังวาล ที่ ๓ นางปุดออ ทีมกองเชียร์ประทับใจกรรมการ
ได้แก่ ทีมหัวเลา และทีม แด่ชีวิต
ผู้เข้าร่วมงานที่ลงทะเบียนที่อายุยาวที่สุด ผ่ายชาย คือ พ่อชูศักดิ์ แก้วทอง
จากสันติฯ ฝ่ายหญิงได้แก่แม่ปราณี ชาลี จากชัยภูมิ
สำหรับรายการภาคค่ำ คืนนี้
สมณะเดินดิน ติกขวีโรได้เน้นย้ำให้พวกเราไม่ประมาท ให้รู้ความจริงตามความเป็นจริง
ใช้ชีวิต อย่างเรียบๆ ง่ายๆ ที่นี่อากาศบริสุทธิ์ เป็นดินแดนบริสุทธิ์ น่าจะมีของที่บริสุทธิ์
ผู้ที่มาที่นี่หากไม่เอาถุงพลาสติกขึ้นมาก็จะดี
ส่วนสมณะฟ้าไท สมชาติโก พูดถึงเรื่องการตรวจเลือด ขูดสารพิษในงานนี้ เพราะชีวิตนักบวชเป็นชีวิตขึ้นอยู่กับประชาชน
นักบวช ต้องบิณฑบาต จะปฏิเสธอาหารบิณฑบาต ที่มีสารพิษ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะอาหารที่ไร้สารพิษจริงๆ
มีน้อย ไม่รู้ว่า เมื่ออายุมากๆ เราจะหลงๆ ลืมๆ หรือไม่ อาตมาก็ไม่อยากหลงนะ
ก็พยายามทำตัวเองให้ดี เราอยู่ที่ไหนแม้ทรมาน ก็เอาประโยชน์ให้ได้ เจอความลำบากมากๆ
จะทำให้เราได้เติบโต
สุดท้ายของคืนนี้ สมณะบินบน ถิรจิตโต เน้นให้พวกเรามีศรัทธาในศีลและมีความอดทน
บรรยากาศในงานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก
ปิตุบูชาปัญญาสมโภชปีนี้ มีผู้มาร่วมงานน้อยกว่าปีก่อน มีผู้มาลงทะเบียน
ร่วมงาน ๕๓๘ คน
ด้านสุขภาพบุญนิยม ปีนี้คุณกิ่งธรรมและคณะ ได้มาตรวจหาสารพิษในเลือด หลังตรวจพบว่า
เด็กๆ ที่อยู่บนภูผาฯ หลายคน ปลอดภัย
ครูหนูและคณะ มาทำสปาดอย มีผู้มาใช้บริการมาก
ด้านอาหารมีโรงบุญ แจกบริเวณใต้ต้นสัก มีคุณขุมข้าวนำข้าวหลามมาแจก ราดหน้า-คุณลุงสุวรรณ-ป้าอู๊ด
ส้มตำ+ข้าวเหนียว จากชาวสันติฯ +บ้านราชฯ หอยทอดเจ จากป้าแดงเชียงราย ข้าวเหนียว
จาก ชมร.+ป้าน้องจุรีย์ อ้อยหวาน-คุณแดง+อุไร ขนมจีนน้ำเงี้ยว จากชมรมผู้อายุยาว
กล้วยปิ้ง, น้ำพริกหนุ่ม-คุณฟู บาบีคิว-น้ำแรง ข้าวคลุกงา-ผู้อายุยาว ขนมครก-เจ้กิม+ป้าดีบุญ
ถั่วแผ่น-ป้าอู๊ด ผัดไทย-คุณฉวีวรรณ ของหวาน(ต้มถั่วดำ)-สานฝันปันบุญ กระเพาะเจ-แม่บัวหลวง
น้ำเมี่ยง-ยายนวลจันทร์ แคบเจ, เค้กกล้วยหอม -คุณมานพ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ-ส่วนกลาง
ขนมปัง-ไม่ทราบของผู้ใดนำมาแจก
ตลาดอาริยะปีนี้ มีเสื้อ ผ้าห่ม น้ำมัน ซีอิ๊ว เปิดบริการเต็มที่ ขนาดญาติธรรมมากลางดึก
ยังปลุกให้ลุกมาขาย ผ้าห่มเลย ชาวเขาเดินข้ามเขาเพื่อมาซื้อน้ำมันพืชขวดเดียว
ปีนี้พ่อท่านไม่ได้มาเนื่องจากไอมาก
แต่พ่อท่านได้พูดถึงงานฉลองหนาวฯ ไว้เมื่อ ๒๔ ม.ค. '๔๙ มีใจความว่า
"ไปนั่งไปนอนไปพักผ่อนกัน เพราะเราจะถือว่า งานฉลองหนาวฯ เป็นงานพักผ่อน
สบายๆ ไม่หนักไม่หนา ไม่วุ่นวาย จู้จี้อะไร จะเล่นก็เล่นกันอย่างพอสมควร
มีแข่งผ่าฟืน แข่งสีข้าว แข่งขนทราย แข่งเก็บผักป่า อะไรๆ แล้วแต่ที่เราทำกันนะ
อาตมาว่าสนุกและได้ความรู้ แล้วได้ทักษะต่างๆ เราก็มีความสนุกสนานกันไป
ทางโน้นพยายามจะปรับปรุง รางวัลให้งามให้ดีนะ แหมทำรางวัลชั้นดี สักวันคงเป็นเหมือนออสการ์
หรอกเนาะ (หัวเราะ) รู้สึกเห็นเป็นของมีค่าเหลือเกิน อาจจะเป็นได้สักวันก็คงจะลงตัว
เป็นรางวัลเฉพาะงานฉลองหนาวเป็นพิเศษ อาจจะเป็นได้นะ"
- สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
รายงาน -
(ป.ล. ปีนี้มีผู้นำผลไม้ไร้สารพิษมาบริจาค
คิดเป็นเงินมูลค่า ๒๗,๕๙๐ บาท ส่วนผักไร้สารพิษคิดเป็นมูลค่า ๓๖๐ บาท)
|